๑๒/๑๑ ความเสื่อมและการหมดอายุขัย (ธรรมะจากหลวงพ่อที่แม่ใหญ่รับฟังเป็นครั้งสุดท้าย)

พระราชสุทธิญาณมงคล
๒๗ มกราคม ๒๕๔๑

    ในวันธรรมสวนะเช่นในวันนี้ ท่านพุทธศาสนิกและพุทธบริษัท อุบาสก อุบาสิกา ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์มาสร้างกำไรชีวิต มาบำเพ็ญกุศลในวันพระ แสวงหาความดีให้จิตใจของท่าน ให้เบิกบานหรรษา ได้ฟังธรรม เจริญพระกรรมฐาน บำเพ็ญทาน ศีล และภาวนา เป็นต้น เป็นนิยมกาลของท่านเองโดยเฉพาะ ท่านสาธุชนทั้งหลายจะหาโอกาสอย่างนี้ได้ยากมาก

    อะไรเอ่ย? มันไวเหลือเกิน ตามไม่ทัน ก็คือ เวลา นี่เอง มันไวมาก ถ้าท่านคิดทบทวนดู ท่านจะรู้ได้ว่า เวลาไวมาก หนุ่มสาวไวมาก เจริญวัยชันษาก็ไวมาก บัดนี้เข้าปฐมวัย บัดนี้เข้ามัชฌิมวัย บัดนี้ไปปัจฉิมวัยแล้ว เฒ่าชะแรแก่ชราไวมาก

    วัย ตัวนี้แปลว่าอะไร? แปลว่า ความเสื่อม ที่เราเรียกว่าเจริญวัยชันษา วัยตัวนี้เป็นภาษาบาลี แปลเป็นภาษาไทยว่า ความเสื่อม นั่นเอง แต่เราก็เสื่อมมาแล้ว ตั้งแต่ปฐมวัยคลอดออกจากครรภ์ของมารดาร้องอุแว้ อุแว้ แบเบาะ กำมือแน่น นี่ของกูตลอดรายการ ก็เข้าไปสู่ ๒๕ ปีเบญจเพสแล้ว เลย ๒๕ ปีย่างเข้า ๒๖ ปี วัยอีกแล้ว วัยเสื่อม เข้าสู่มัชฌิมวัย ตั้งแต่ ๒๖ ปี ถึง ๕๐ ปี เลข ๕ ขึ้นแล้วเป็นปัจฉิมวัย วัย ตัวนี้แปลว่า ความเสื่อมโทรมของร่างกายและสังขาร ไม่มีอะไรแน่นอนเลย ท่านสาธุชนทั้งหลาย อย่าละเลยเรื่องบำเพ็ญจิต อย่าละเลยเรื่องสติปัญญา อายุเลย ๕๐ ปีไปแล้ว ท่านจะเข้าสู่ปัจฉิมวัยไปกระทั่งวันตาย ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว ขากลับไม่ใช่กลับมาทางเดิมแล้ว ต้องกลับซ้าย เวียนขวากลับซ้าย เวียนซ้ายกลับขวา เราจะเห็นได้ว่า เดินเข้าโบสถ์เวียนไปทางนี้ จะกลับบ้านต้องเวียนที่เมรุนั่น เวียนกลับไปสู่บ้านของท่านตามเดิม ออกประตูเกิดแล้วต้องไปออกประตูตาย เสื่อมโทรมไปตามสภาพของสังขารและร่างกาย ท่านสาธุชนทั้งลาย โปรดพิจารณาข้อนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อสักครู่นี้เอง ยังอยู่ตอนเข้าตี ๕ โยมนุ่งขาว อุบาสก อุบาสิกา ก็มาใส่บาตรกันเป็นแถว เดี๋ยว ๑๑ โมง พระสงฆ์องค์เจ้าต้องฉันเพลอีกแล้ว ชามไม่ทันแห้งเลย มันไวถึงขนาดนี้ วัย คือ เสื่อม ไม่ใช่วัยเจริญ โปรดจำไว้ข้อนี้ ไม่ใช่เรื่องเล่น เพลเมื่อสักครู่นี้เอง เดี๋ยวพระอาทิตย์จะเลี้ยวลับ ชายมะพลับเข้าสู่เวลาพระอาทิตย์อัสดงแล้ว พี่น้องหญิงชายหนุ่มสาวที่รักทั้งหลาย ท่านจะถอยกลับเสื่อมไปตามสภาพจากปฐมวัยของท่านเข้าไปสู่มัชฌิมวัยกลางคน ท่านก็จะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ กระทั่งที่ปัจฉิมวัยแล้ว อายุขึ้นเลข ๖ เลข ๗ แล้ว แย่แน่เสื่อมวัยตายได้ทันที ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเสื่อมแล้วก็ต้องตาย ไม่แน่นอน แล้วแต่กรรมมาตัดรอนบ่อนทำลายชีวิต อาจจะตายเมื่อเป็นเด็กในปฐมวัย อาจจะมาตายเมื่อมัชฌิมวัยก็ได้ อาจจะตายปัจฉิมวัยก็ได้ แก่ตายหมดเวลา หมดทั้งไส้หมดทั้งน้ำมัน คือตะเกียง ไส้ก็หมด น้ำมันก็หมด หมดทั้งเวรหมดทั้งกรรม กิจกรรมก็หมดไปเหลือแต่ดวงตะเกียง ไม่มีไส้ ไม่มีน้ำมันแล้ว ก็หมดไปตามสภาพของเขาด้วยอายุขัยเช่นนี้

    พี่น้องที่เป็นปฐมวัยกำลังเข้าไปสู่วัยหนุ่มและสาว ๒๕, ๒๖ โปรดระวัง โปรดอย่าได้ประมาท อย่าพลาดอย่าละโอกาสอันดีของท่าน รีบสร้างความดีเสียบัดนี้ได้ไหม รีบเข้าวัด ๓ วัดให้จงได้ วัดอารมณ์ วัดจิต วัตถุธรรม ตั้งสติกรรมฐาน ดำรงมั่นเจริญจิตภาวนา ท่านจะได้มรรคได้ผล จะได้อานิสงส์สมความมุ่งมาดปรารถนาแน่นอน ท่านอย่าประมาทนะ คิดว่าเราจะไม่ตาย อาจจะตายคืนนี้ก็ได้ กรรมมาตัดรอนก็ได้ เราไม่สามารถทราบได้ว่าเวรกรรมตามสนอง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมอย่างนี้แหละหนอ ไม่มีอะไรมาตัด เราตัดรอนด้วยกรรมจากการกระทำครั้งอดีตชาติ วิบากกรรม และกรรมที่ทำไว้ในปัจจุบันสามารถจะบั่นทอนในอนาคตให้เราจากโลกไปโดยไม่ทราบ โดยไม่เข้าใจ โดยไม่รู้ตัวก็มากหลาย

    นี่แหละท่านสาธุชนทั้งหลาย โปรดได้พิจารณาข้อนี้ให้มากที่สุด และวันนี้เป็นกรณีพิเศษของวันพระที่คนไทยสัญชาติจีนได้ถือโอกาสขึ้นปีใหม่บูชาบรรพบุรุษในวันนี้มีทั่วโลก ที่คนสัญชาติจีนอยู่ที่ไหน จะอยู่เอเชีย ยุโรป สหรัฐอเมริกา ก็ต้องไหว้ เป็นประเพณีนิยม ไหว้บรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย ไหว้กราบทุกโอกาสที่มีในวันนี้เวลานี้ ถึงหากว่าเราท่านทั้งหลายเป็นคนไทยสัญชาติจีน ก็ต้องไหว้ ถึงหากว่าท่านทั้งหลายมิใช่สัญชาติจีน แต่เป็นคนไทยแท้ พ่อไทย แม่ไทย ลูกก็ไทย ไม่ผิดแผกแตกกันได้แต่ประการใด

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายืนยันและรับรอง ผู้ใดมีกตัญญูกตเวทิตาธรรม ไม่ลืมพระคุณบุพการี คนนั้นจะมีการเดินเจริญก้าวหน้าไม่เสื่อม จะรวยเป็นเศรษฐีมั่งมีศรีสุข คนที่ไม่มีกตัญญู ไม่มีบุพการี ชีวิตจะไม่มีแก่นสาร ในวันนี้ควรจะระลึกถึงกตัญญูกตเวทิตาธรรม นึกถึงบุพการี เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ที่ได้สร้างสมบัติพัสถานให้เรามา ไม่จำเป็นต้องเป็นคนจีน คนไทยก็ระลึกถึงทุกวันพระ วันโกนเตรียมการวันพระกัมมัฏฐาน รำลึกถึงบุพการีกตัญญูกตเวทิตาธรรม ไม่จำเป็นต้องเป็นวันตรุษจีน ทุกวันพระทำได้ทุกเวลา พระพุทธเจ้าสอนว่า สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องเฉพาะวันตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ หรือไม่จำเพาะวันสารท แต่ประการใด วันโกน วันพระสำคัญมาก วันดีเราก็ไม่ละ วันพระเราก็อย่าเว้นความดี แต่เป็นที่น่าเสียดายเหลือเกินท่านสาธุชนทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทรงแสดงย้ำเติมเสริมให้เราเข้าใจอีก วันดีของเรานั้นมีทุกวันทุกเวลาอย่าพลาดอย่าประมาทอย่าละโอกาสอันดีงาม อย่าประมาทชีวิต ทุกเวลาเราก็ทำความดีได้ กตัญญูกตเวทีทุกหน้าที่และการงาน ทุกเวลาได้ แต่วันตรุษจีนนี้เป็นประเพณีวันขึ้นปีใหม่ของคนสัญชาติจีน จะขึ้นปีใหม่หรือไม่ก็ตามเราเป็นคนเก่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปดีกว่านี้เลยหากท่านนึกถึงบุพการีที่ได้อุปการะแต่กาลก่อน นึกถึงคุณค่าของความดีอันนี้แล้ว ท่านจะเป็นคนดีในสังคม ท่านจะเจริญรุ่งเรืองวัฒนาสถาพรแน่นอน จะมีประโยชน์แก่ท่านเองโดยเฉพาะ พระพุทธเจ้าให้ระลึกถึงลมหายใจเข้าออก หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ เลือดเนื้อเชื้อไขได้มาจากปู่กับย่า ตากับยาย ได้มาจากพ่อแม่ ทั้งสองประการนี้ ถ้าสำนึกชีวิตขึ้นมาว่าชีวิตเรามีค่า เวลามีประโยชน์แล้วจะนึกถึงบุพการีได้ ท่านทั้งหลายทั้งหนุ่มและสาว ท่านมานั่งเจริญกัมมัฏฐานท่านจะนึกอย่างนี้ จะนึกถึงมหาเมตตาใหญ่ นึกถึงบุพการี ท่านร้องไห้ น้ำตาท่านจะร่วง ว่าคิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ คิดถึงแน่ๆคิดถึงปู่ ย่า ตา ยาย ชาติภูมิ มาตุภูมิของตน ที่มีอุปการะคุณมาแต่กาลก่อน จะคิดถึงสถานที่เป็นแหล่งเกิดความดี จะคิดถึงการประกอบอาชีพการงาน เช่น บริษัทไม่ควรทำลาย จะคิดถึงคุณงามความดีของอาชีพการงานที่เราขายข้าวขายของ ประกอบธุรกิจ ควรจะคิดถึงเขาด้วยที่อุปการะเรามาได้ดิบได้ดีเช่นนี้ จะมีประโยชน์ไม่ใช่น้อย เหมือนน้ำย้อยบ่อบาดาล ทีละหยดทีละหยาดก็เต็มกระบอกได้ ฉันใดก็ฉันนั้น นี่แหละท่านผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ถ้าท่านสนใจในเรื่องของตัวท่าน ท่านจะนึกถึงบุพการีได้เป็นอันดับแรก วันไหว้บรรพบุรุษต้องคิดนะ วันดีไม่ละวันพระไม่เว้น คือสร้างความชั่วอย่างนั้นหรือ ควรสร้างความดีโดยวันดีก็สร้างวันพระก็สร้าง วันดีไม่ต้องละวันพระอย่าเว้นความดี รีบมาวัดสดับพระธรรมเทศนาได้ไหม ไม่ใครมาวันพระสดับพระธรรมเทศนา ไม่มีใครให้ทานในวันพระ ซึ่งปู่ ย่า ตา ยาย มาคอยรับส่วนบุญ เปรตวิสัยก็มา อยู่ข้างๆ กันเยอะหมด แต่ไม่มีใครมาให้ทานกับเปรตวิสัยที่กำลังมาคอยรับส่วนบุญอยู่ สวรรค์เอ๋ย เทพเจ้าทุกชั้นฟ้า กำลังเปิดม่านฟ้าดูประชาชนชาวโลก ว่าวันนี้ใครจะทำบุญอะไรบ้าง โลกสวรรค์โลกนรกปิด หยุดการงานหน้าที่ ให้สร้างความดี เมืองนรกก็หยุดงาน มีหลักฐานที่ไหนยืนยันมีหลักฐานที่ยายสะอิ้ง กับตาปุ่น* มาสร้างกุฏิกรรมฐาน ๘๐ บาท โดยโยมเล็ก สุกใสพงษ์ ทายกที่วันนี้เป็นผู้สร้าง ราคา ๘๐ บาท เท่านั้น เป็นพยานว่า อยู่เมืองนรกมาวันโกนวันพระโดยเขาให้หยุดไม่ต้องทำโทษ วันดีมีปัญญาวันสวรรค์ก็ให้หยุด แต่เราเมืองมนุษย์มาหยุดวันเสาร์วันอาทิตย์ หลักฐานที่ยืนยันได้แน่ชัด เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ กาลครั้งนั้น อาตมาก็มาอยู่นี่ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นกุฎิหลังแรกที่วัดนี้ เรียกว่า กุฏิกรรมฐาน ไม่ขอกล่าวให้ยืดยาวในโอกาสนี้

    จะกล่าวเรื่องบุพการีกับความดีในกรรมฐาน ท่านจะนึกถึงบุพการีด้วยความซึ้งใจ น้ำตาท่านจะร่วง คิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ หรือปู่ ย่า ตา ยาย อย่างนี้เป็นต้น นับประสาอะไรกับเด็กตัวนิดเดียว ชื่อเด็กหญิงทัศนีย์ แม่เป็นโรคมะเร็ง มีศรัทธามั่น ไม่มีใครบอกไม่มีใครเชิญชวนแต่ประการใด เป็นเด็ก ม.๑ โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี มาปฏิบัติธรรมที่นี่ นักเรียน ม.๑ เท่านั้น มีความคิดสูง พอนั่งได้ ๓ วัน วันที่ ๔ จะกลับน้ำตาร่วง “เรียนให้หลวงพ่อทราบขออยู่ต่อสัก ๗ วันได้ไหม แม่หนูเป็นมะเร็งวาระสุดท้ายต้องตายแน่นอน หนูยังไม่ได้แทนคุณแม่คุณพ่อเลย แม่ก็จะมาตาย หนูจะอยู่กับใครเล่า” เรานี่นะตื้นตันใจจริงๆ หนูจะอยู่กับป้าก็ไม่เหมือนแม่ นี่แหละท่านฟังแล้วคิดหน่อย เด็กยังมีความคิด เดี๋ยวนี้ คนโตไม่ค่อยคิด เด็กคนนี้พูดลึกซึ้งมาก “หลวงพ่อคะจะอยู่กับใครก็ตามนะคะสู้อยู่กับพ่อกับแม่ของเราไม่ได้เลย” คำนี้ซิซึ้ง เป็นความคิดของเด็กในวัย ม.๑ ชัดเจนที่วัดอัมพวันเมื่อกาลครั้งนั้น ๕-๖ ปีมาแล้ว นี่แหละขอเจริญพรว่ากรรมฐานให้เกิดปัญญาได้ เด็ก ม.๑ เกิดปัญญาใช้ได้แล้ว เด็กโตไม่ค่อยเกิดปัญญา นั่งกรรมฐานมัวไปคุยกันสรวลเสเฮฮา ท่านจะไม่ได้ผล ท่านจะไม่ลึกซึ้งแต่ประการใด ต้องตัดปลิโพธคือความกังวลอย่าได้ห่วงใยใครได้ไหม อย่าคิดหลายเรื่องในเวลาเดียว จงคิดแต่เรื่องเดียว เอาหลายเรื่องในเวลาเดียว ท่านจะสับสนอลหม่าน จิตใจท่านจะไม่เป็นสมาธิ
ความรักของพ่อแม่นี่ยุติธรรมบริสุทธิ์มากไม่หวังผลตอบแทนกับลูกแน่นอนที่สุด ลูกจะตอบแทนหรือไม่ พ่อแม่ไม่เคยว่าอะไร ถ้าท่านมีลูกท่านจะรู้ได้ ถ้าท่านไม่มีบุตรธิดา ท่านจะไม่รู้เลย ถ้าท่านเป็นหนุ่มเป็นสาวท่านจะไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน อะไรหนอจะอบอุ่นเท่าตักแม่เรา อะไรหนอจะอบอุ่นเท่าวงแขนของพ่อของเราไม่มีอีกแล้ว วงแขนของสามีภรรยาจะอบอุ่นเท่าวงแขนของแม่ไหม ท่านไม่ได้นั่งกรรมฐานท่านคิดไม่ได้ ท่านเลยว่าแม่ นินทาพ่อ ลองมานั่งกรรมฐานให้ได้ผลได้มรรค รับรองท่านจะร้องไห้ ว่าเราไม่น่าจะคิดกับแม่อย่างนี้ ไม่น่าจะคิดกับพ่ออย่างนี้เลย มันจะออกมาตามทำนองธรรม ท่านนึกถึงบุพการีคือกตัญญูกตเวทิตาธรรม ต้องได้เป็นข้อแรกของกรรมฐาน ถ้าไม่เกิดอย่างนี้ท่านนั่งกรรมฐานไม่ได้ผล มานั่งจะไปสวรรค์ นิพพาน ไปบวชชีพราหมณ์ตามวัดกันอย่างนั้นหรือ มีแต่วิทยากรเทศน์กันไม่พัก ติดกัณฑ์เทศน์ไม่พัก อาตมาไม่นิยม อย่างถวายซองก็ไม่นิยม นิยมให้สร้างธรรมะ สร้างพระไว้ในใจให้มากที่สุด แต่ปัจจัยที่ทำบุญเป็น ๒ ทาน ศีล ภาวนา อาจจะเป็นประเภท ๒ ได้ นี่แหละบุพการี

    พระพุทธเจ้าสอนกตัญญูกตเวที ในโลกนี้หายาก คนที่ระลึกถึงบุญคุณนี้ไม่ค่อยจะมี ท่านสอนไว้ชัดก็คือบุพการีหมื่นพันคนจะมีสักคนที่ลึกซึ้งเข้าไปถึงเหตุการณ์เช่นนี้ รู้แต่ว่าชายเป็นพ่อหญิงเป็นแม่ แต่ไม่รู้เลยน้ำใจของพ่อน้ำใจของแม่เป็นประการใด ในบุพการี คนจีนเขาจึงขลังมากไหว้บรรพบุรุษ เช่นในตรุษจีนเช่นวันนี้นั้น เขาจึงน้อมไหว้เอาเครื่องเป็ด ไก่ ขนมเข่ง ขนมเทียน ตามประเพณีจีนมาไหว้กันมากมาย ถึงหากว่าจะผิดธรรมบางอย่าง เช่น พ่อแม่ชอบเมาสุรายาเมาก็สุรายาเมามาบูชาพระคุณ เป็นการกตัญญูเหมือนกันแต่ก็ไม่คิดอะไรมากหลาย แต่เราอย่าไปกินเหล้าให้มันเมาก็แล้วกัน เอาเป็นประเพณีเป็นวัตถุเป็นสมมติบัญญัติเพื่อไม่เป็นการทำลายน้ำใจพ่อแม่ อย่าไปดื่มเหล้าเสียเองก็จะไม่เป็นบาป เป็นการบูชาอย่างลึกซึ้ง ถึงพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านชอบอย่าไปขัดคอท่าน เราหานโยบายยื่นให้ท่านทำบุญ ให้ท่านเลิกเหล้าจงได้ อย่าไปว่าพ่อว่าแม่ให้เสียน้ำใจ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าบัวอย่าช้ำน้ำอย่าขุ่น ขอชีวิตเราอุ่นใจตลอดกาล

    วันนี้จะชี้แจงเรื่องกรรมฐานกตัญญูกตเวทิตาธรรมเหมือน ด.ญ.ทัศนีย์ ม.๑ นั้นเห็นชัด คิดถึงแม่แล้ว ถ้าเธอไม่มากับโรงเรียนสงวนหญิงมานั่งกรรมฐานแล้ว เธอจะไม่นึกคิดไม่ออกบอกไม่ได้เพราะยังเด็กยังเล็กนัก ยังไม่รู้ว่าคุณค่าแม่นั้นเป็นประการใด พอเจริญกรรมกรรมฐานเข้าซึ้งใจ ร้องไห้มาหาหลวงพ่อที่กุฏิ บอกว่าหลวงพ่อ ช่วยหนู พูดมีเหตุผล เราตื้นตันจนน้ำตาเราแทบจะไหล ตื้นตันกับเด็กเขาที่รักแม่ของเขาอย่างยอดชีวิตจิตใจ ไม่มีผู้อื่นที่จะรักแม่ที่จะเอาชีวิตแลกแม่ไว้ได้ หลวงพ่อคะหนูนั่งให้มันตายไปเลย เพื่อให้แม่หนูรอด ถ้าแม่หนูรอดได้หนูยอมตายไปเลย เพื่อให้แม่หนูรอด ถ้าแม่หนูรอดได้หนูยอมตายก็ได้ หายากมาก ถึงกับชีวิตแลกกับแม่ได้ ไม่มีที่ไหนแล้ว ท่านบุพการีทั้งหลายเอ๋ย กตัญญูกตเวทิตาธรรมดังเช่นกล่าวแล้ว อาตมายังพูดอยู่เรื่อย เด็กคนนี้แม่ก็เป็นครูโรงเรียนด้วย

    บางคนมาถามหลวงพ่อคะแม่ป่วยอยู่ห้องไอซียู โรงพยาบาลศิริราช ข่าวเขาลือกันว่ามานั่งแล้วแม่จะหายหรือ ฉันจะลองดูสักวันหนึ่งได้ไหม บอกว่าขอเจริญพรกลับไปเถอะ บอกลองไม่ได้ ที่วัดนี้ลองไม่เป็น ศรัทธาไหม หนูไม่เคยไม่เข้าใจกลับดีกว่า แม่เธอตายหมื่นเปอร์เซ็นต์ มีอย่างนี้เยอะ ไม่ใช่แลกขนมเข่ง เอาสตางค์ไปแลกของในตลาดอย่างนี้หรือต้องสร้างความดีด้วยตนเองเช่นดังกล่าว สู้เด็กไม่ได้ บางคนมาพูดจู้จี้จัง บอกไม่เคยเชื่อ หลวงพ่อคะสวดมนต์กี่จบแม่ถึงจะฟื้น พ่อถึงจะหายจากโรค บอกไม่ได้ ไม่ทราบแล้วแต่ศรัทธา จะกี่จบเราไม่ทราบ แต่ให้สวดเกินกว่าอายุจะได้กำไรชีวิต ให้คนที่สวดนั้นเป็นกำไรของชีวิตเอากำไรไปแจกให้คนอื่น ลองคิดดูค้าขายขาดทุนจะเอาทุนที่ไหนไปให้คนอื่น จะเอากำไรที่ไหนไปให้ใคร จะขาดทุนอย่างย่อยยับใช่หรือไม่ นี่แหละความศรัทธานั้นสำคัญ ทั้งพระสงฆ์องค์เจ้า ทั้งฆราวาสอย่าให้ขาดทุนได้ไหม ให้ได้กำไรทุกวันทุกนาทีได้ไหม มีแต่ขาดทุนทุกวันเสียใจด้วย ขาดทุนเวลา ขาดทุนชีวิตชีวา แล้ววัยก็เสื่อมไปตามสภาพจะกำไรได้อย่างไร หมดเวลาตอนนั้นไม่ได้อะไรที่เป็นคุณค่าของชีวิตแต่ประการใด ก็ขอเจริญพรญาติโยมโปรดได้รับทราบข้อนี้ไว้

    วันนี้เป็นวันกตัญญูต่อบรรพบุรุษก็ต้องพูดให้เข้าใจ เพื่อท่านจะเป็นไทยสัญชาติจีน หรือจีนสัญชาติไทยก็ไม่ว่ากัน แต่อาตมาคิดว่าจะตรุษจีน สารทจีน หรือตรุษไทย สารทไทย ก็ไม่สำคัญ สำคัญทำทุกวันได้ไหม กตัญญูทุกวันได้ไหม เจริญบุพการี รำลึกถึงคุณของผู้มีพระคุณทุกวันทุกนาทีทุกลมหายใจได้ไหม รำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าทุกนาทีทองได้ไหมที่มีพระคุณอันล้นเหลือ ถึงพระธรรมที่เราปฏิบัติธรรมตลอดทั้งวินาทีเดียวก็ต้องคิดได้ไหม ไม่จำเป็นต้องมาคิดในวันพระนี้ ได้หรือไม่ประการใด คิดถึงคุณค่าของพระสงฆ์รัตนะ แก้ว ๓ ประการทุกวินาที พาหุงมหากาฯ ทุกวินาที ท่านจะเจริญศรี เจริญหน้าที่การงาน เงินไหลนองทองไหลมา ท่านได้กำไรชีวิต ชีวิตท่านได้กำไร เพราะอารมณ์ท่านดีมีปัญญา ได้จากการเจริญพระกรรมฐานถูกต้องตามครรลองของชีวิตแล้ว ซึ่งแน่นอนที่สุดไม่มีจะอะไรมั่นคงเท่าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ตรงนี้น่าคิด พิจารณาตัวเองเถิด ไม่มีใครเขาทำให้ท่านได้หรอก อาตมาก็ช่วยโยมไม่ได้หรอก เพียงแต่แนะแนวตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แต่คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเราไม่ปฏิบัติก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด จะชี้บอกมรรคมรรคาว่านี่ไปสวรรค์ นี่ไปนรก บอกได้เท่านี้ นี่ไปเป็นเปรต อสุรกาย นี่สัตว์เดรัจฉาน ไปสู่อบายมุข นี่ไปทางสู่ทางเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าไปทางนี้ ก้าวเสื่อมไปทางนั้น บอกหนทางได้เท่านี้ แผนที่มรรคมรรคาแต่เราจะเดินไปทานไหน แล้วแต่โยมชอบ โยมไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ทางดีก็กลับเป็นทางชั่ว ทางชั่วก็กลับร้ายกลายเป็นทางดี อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว อย่าเห็นความชั่วเป็นความดีเลย จงเห็นกงจักรเป็นกงจักร เห็นดอกบัวเป็นความดีมีปัญญา แสงสว่างก็คือ ปัญญาญาณ เห็นให้มันคงที่คงวา อย่าต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก ต่อหน้าส้มโอลับหลังส้มเช้ง ควรจะเป็นมะตูมแข็งนอกมะกอกแข็งใน แข็งทั้งนอกทั้งใน อดทนในอดทนนอกด้วยการเจริญสติปัฎฐาน ๔ ท่านจะสร้างความดีทุกวิถีทาง สร้างความดีได้ทุกนาทีทอง ท่านจะประคองไว้ในใจอย่างมั่นคงและถาวร แต่ท่านจะทำได้แค่ไหนอาตมาไม่ทราบของท่าน ข้อได้ข้อเสียอยู่ที่โยมทุกคนที่มาวัด จะขาดทุนอย่างย่อยยับหรือบางคนมาก็ได้กำไรกลับไปชื่นอกชื่นใจ บางคนมาก็ขาดทุนกลับไปเสียใจเวลาที่หมดไปแล้วเรียกคืนไม่ได้ ๗ วันแล้วก็เรียกคืนไม่ได้อีก ไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย ไม่มีเงินเราก็หาได้ ไม่มีทองเราก็ไปซื้อ ไม่มีบ้านปลูกเราก็ปลูกใหม่ กิจการไม่ดีเราก็เปลี่ยนแปลงมันใหม่อย่าเดินหมากรุกตาเดียว หมากรุก ๖๔ ตา อย่าเดินตาเดียวเปลี่ยนตาเดินเสียบ้าง มันจะดีขึ้นมาแน่นอน ถ้าเราไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงภาวะเช่นนี้แล้วเราจะไปดีได้อย่างไรหรือ มีแต่จะขาดทุนเวลา ขาดทุนทรัพย์สินเงินทอง ขาดทุนทรัพย์สมบัติ ขาดทุนวิชาความรู้แถมขาดทุนเวลาที่ผ่านไปแล้วอย่างน่าเสียดาย และเสียใจด้วย ไม่เกิดประโยชน์แต่ประการใด ตรงนี้เป็นเรื่องอจินไตยที่ควรจะคิดถึงกันต่อไป จะมีประโยชน์ของท่านเอง

    ท่านทั้งหลายวันนี้ท่านคิดถึงตัวท่านเองบ้างไหม บรรพบุรุษเป็นคนสร้างเรามานะ น่าจะคิดถึงตัวท่าน มีหัวใจมาจากพ่อ น้ำเลือดน้ำเหลืองมาจากแม่ มาทั้งจากปู่ ย่า ตา ยาย ในตัวคนนั้น ท่านเจริญกรรมฐานได้ดังที่กล่าวแล้ว ท่านจะคิดถึงตรงนี้ นึกถึงบุพการี จะขยันหมั่นเพียรเรียนหนังสือจะขยันหมั่นเพียรโดยถูกต้อง จะเริ่มต้นในชีวิตให้ดี ทำดีให้มากที่สุด มันจะเกิดอัตโนมัติแก่ตัวท่านเอง ไม่ใช่มานั่งกันจิ้มๆ จ้ำๆ มาแก้บนกันหรือ เห็นที่นี่เป็นศาลเจ้า ควรจะเป็นศาลเจ้าไคฟง ไม่รับบน โน่นไปหาศาลเจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อเสือ ศาลเจ้าแม่อะไรนั่น บนกันก้นกระดกๆ ไม่ต้องทำมาหากิน ไม่ต้องมานั่งกรรมฐาน บนกันไปสวรรค์นิพพาน แต่ที่นี่เป็นศาลไคฟงท่านอย่ามาบนกันอย่างนั้น ท่านอยากจะบนให้เรียนหนังสือเก่งบนได้เลย ไปจุดธูปกับศาลไคฟง ว่าข้าพเจ้าจะตั้งใจเรียนหนังสือ ไคฟงก็จะบอกว่าตื่นตี ๔ ตั้งใจดูหนังสือต่อไป พึ่งตัวเองให้ได้ ไคฟงจะบอกอย่าไปพึ่งคนอื่นนะ เพราะศาลไคฟงไม่กินเครื่องสังเวย วัดนี้ไม่ใช่ศาลอย่างอื่นนะ เป็นศาลไคฟง ไม่ใช่บน ๗ วัน บน ๓ วันหรือบน ๗ วัน มาอยู่ ๓ วันกลับไปแล้ว อย่ามาโกหกศาลไคฟงนะ เข้าใจไหม ก็ไม่เป็นไรนะ ศาลนี้ไม่กินเครื่องสังเวย อย่าให้เสียสัจจะนะ ถ้าท่านเสียสัจจะท่านจะลงนรกไปเลย ศาลนี้ไม่รับบน บนอย่างนี้ได้ ถ้าข้าพเจ้านั่งเจริญกรรมฐานอดทนตลอด ๗ วัน ๗ คืนไม่นอนไม่พูดกับใคร บนก๋วยเตี๋ยว ๕ ชาม พอออกกรรมฐานกินให้มันอิ่มไปเลย นี่ศาลไคฟง ไม่ใช่บนกับพระจะเอาจีวรดีๆ มาถวาย ก็คงไม่ศาลไคฟงหรือ อาจจะมีศาลอื่นแทรกอยู่ในศาลไคฟงเราไม่รู้ กินสินบนตลอดรายการ วัดนี้ไม่รับบน โทรศัพท์มาตั้งแต่เช้า บอกจะบวชเป็นพระ สัก ๑๕ วัน บนไว้ บนแบบนี้ศาลไคฟงไม่รับไปศาลข้างบ้านคุณ วัดข้างบ้านคุณ ต้องเดือนหนึ่ง เขาโทร ตอบว่าวัดเขาบวช ๗ วันยังได้ บวช ๓ วันยังได้ หน้าไฟก็ยังได้ ก็ไปบวชซิ นี่ศาลไคฟงบวชต้อง ๑ เดือนได้ไหม ไม่ได้ไปบวชวัดอื่น จะมานั่งกรรมฐานสัก ๗ วันก่อน จะบวชให้เดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมานั่งกรรมฐานไม่ได้ ไปศาลเจ้าแม่กวนอิม ศาลไคฟงไม่รับนะ จำไว้ให้ได้ มาบนกันเยอะเลย ที่วัดเรานี้ ก็ไม่ทราบเหมือนกันยังทายไม่ออกว่าว่าที่เขาทำกรรมฐานเป็นศาลอะไร ศาลไคฟง หรือศาลเจ้าแม่กวนอิม น่าจะมาสร้างความดีให้แก่ตัวเองเหมือนเด็กเอาความดีให้แม่ได้ไหม อย่าบน บนกับบ่นนี้มันใกล้กัน พอบนไม่ดีแล้วก็ไปบ่น ขอเจริญพรอย่างนั้น มีอย่างหรือจะบวช ๗ วัน เข้าวัด ๕ วัน ก็บวชอยู่แค่ ๒ วัน ขาดทุนอย่างย่อยยับเลย ที่วัดนี้จะต้องมาอยู่อย่างต่ำ ๗ วัน นี่โทรมาติดต่อบวชทางโทรศัพท์ อุปัชฌาย์อยู่ไหม กำลังฉันข้าว ให้หยุดฉันข้าวมารับโทรศัพท์ก่อน จะเอาลูกมาบวช นี่ตำราประวัติศาสตร์ต้องบันทึก ขนาดพระองค์นี้จะฉันข้าวบอกให้ท่านมารับสายก่อน จะเอาลูกมาบวช โอ้โฮ ขนาดนี้แล้วหรือ! เสียใจด้วย เห็นเราเป็นอะไร อาตมากำลังเขียนหนังสืออยู่ บอกว่าจะเพลแล้วนะ บอกให้ท่านหยุดฉันก่อนมารับสายก่อนทางไกล! ส่งลูกมาบวชทางโทรศัพท์ก็ได้ ส่งลูกมาบวชทางไปรษณีย์ก็ได้ EMS ก็ได้ เอาลูกใส่ EMS มาเลย อาตมาเสียใจด้วย คนไม่มีระเบียบมากขึ้นมันถึงได้ยุ่งเหยิง ขาดระบบไม่มีระเบียบไม่เพียบด้วยวินัย เป็นไปมากน่าเสียดายเหลือเกิน ทำให้อาตมาได้ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้ เป็นวิทยานิพนธ์ชีวิต เราจะได้ติดต่อไปว่าประเทศชาติเป็นถึงอย่างนี้ ไม่มีความเกรงอกเกรงใจ ไม่เข้าทางตรอกออกทางประตูแล้ว จะมากันบนอากาศเลย มนุษย์ต่างดาวหรือ ที่โทรมานี้สงสัยเป็นมนุษย์ต่างดาว ถึงขนาดให้เราเลิกกินข้าว มีแปลกๆ ท่านอยู่ไหมวันนี้ จะให้รับสังฆทานหน่อย จะรับตอนไหน สละเวลาให้เราหน่อยซิ แล้วจะพูดส่วนตัวสัก ๓๐ นาที ที่ไม่มีคน จะไปพูดในป่าช้าที่ไหน ถึงหากว่าไม่มีคนผีมันก็ได้ยินนะ เสียดายเวลาของคนเหล่านั้น ไม่ได้เคยศึกษาชีวิตที่มีประโยชน์ ไม่รู้จักเกรงใจเห็นเราเป็นอะไรไป เห็นเราเป็นเณรไปแล้ว ไม่ใช่พระ ก็ไม่เป็นไร ถ้าคนมีสติดีเขาไม่เป็นอย่างนี้แน่ นี่คนไร้สติ ไม่สมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นการเจริญกรรมฐานจึงมีประโยชน์ต่อชีวิตของท่านเอง มีแก่นสารและไม่ไร้สาระอย่างเด็กนั้นเขานั่งปฏิบัติเข้า เขาพูดมีหลักฐาน ก็ขอโยม ฟังแล้วคิด เด็กชอบความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ ไม่อยากอยู่กับคนอื่น

    ถ้าท่านมีบุตรธิดาเล็กๆ ถ้าจะให้ไปอยู่กับคนอื่นต้องคิดลึกๆ เอาลูกไปฝากให้คนอื่นเลี้ยง หรือเอาไปขายเสีย คิดให้ลึกๆ หน่อย ถ้าเราเป็นลูกบ้างถูกขายให้ไปอยู่กับคนอื่นล่ะ เราจะรู้สึกเสียใจไหม แม่เกลียดเราหรืออย่างไรที่เอาเราไปขาย มีตัวอย่างที่วัดนี้ มีลูกหลายคนเอาลูกขาย คนนี้หน้าตาไม่ดีขายออกไป เลยลูกที่เลี้ยงไว้ไม่ดีสักคน ลูกที่ถูกขายไปร่ำรวยกันหมดจบปริญญาโท-เอกเพราะคนรับไปเขาส่งเรียน แต่ก็ไม่ได้รับความอบอุ่นเกิดปมด้อย คิดแล้วเสียใจ แม่ไม่ได้รักเขาเลย เขาก็รู้เพราะเขาโตแล้ว นี่แหละเป็นประวัติศาสตร์อันสำคัญ ท่านทั้งหลายมีลูกหลานอย่าขายนะ ยากดีมีจนเลี้ยงหน่อยได้ไหม ให้เขาได้รับความอบอุ่นในชีวิต ถ้าโยมนั่งกรรมฐานจะอ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็นแน่นอน ถ้าเราเป็นลูกรู้ใจความแล้วจะเสียใจมาก คิดว่าแม่ไม่รัก พ่อไม่รัก เอาเราขายไปเสียได้ น่าจะคิดอย่างนี้ได้ ถ้าโยมนั่งเจริญกรรมฐานได้จะรู้เหตุผลของชีวิตได้ดี ส่วนมากโยมเป็นผู้หญิงที่มาบนกันมาที่วัดนี้เป็นส่วนมาก อาตมารับโทรศัพท์จึงได้รู้ว่าเขาบนกันอย่างนี้หรือ ถ้าคนอื่นรับก็ไม่รู้ เรารับก็เลยรู้ บางทีจะบวช ๗ วัน บอกโยมไม่ได้หรอกที่นี่ต้องมาอยู่วัด ๕ วัน ก็เป็นพระ ๒ วัน จะมาบวชทำไม นั่งปฏิบัติกรรมฐานดีที่สุด ไม่อาหรอกนั่งแล้ว นั่งวัดโน้นบ้าง วัดนี้บ้าง ไม่ได้อะไร ถ้าเชื่ออาตมานะบวช ๑ เดือนอย่าเอาเพื่อนมาคุยนะ พ่อแม่ก็อย่ามาวุ่นวายได้ไหม เดือนหนึ่งท่านจะได้ไปเยอะแยะมากมาย ก็ขอให้ทำตามที่ท่านมีศรัทธา ถ้าท่านไม่มีศรัทธาจริง ๒ เดือนท่านก็ไม่ได้อะไร บวชถึงปีก็ไม่ได้อะไรขาดทุนย่อยยับ เป็นหนี้สงฆ์ต่อไป หนี้บุญคุญของวัดมากหลาย จะเป็นหนี้บุญคุณนี้สำคัญ ก็ขอเจริญพรว่า หนี้สินเงินทองใช้ก็หมด แต่หนี้บุญคุณคนไม่รู้จักหมด หนี้พ่อแม่ หนี้ครูบาอาจารย์ หนี้ผู้มีอุปการคุณ ไม่มีทางหมด ถึงจะเอาเงินเอาทองมาใช้ก็ไม่ได้ผล สนองพระเดชพระคุณมีทางเดียวคือ กตัญญูกตเวทิตาธรรม จึงมีประโยชน์มากหลาย มีความหมายอย่างนั้น

    เพราะฉะนั้นในการที่เจริญกุศลภาวนาในวันพระจงรำลึกถึงบรรพบุรุษให้มาก ดูตัวอย่างที่เด็กคนนั้น ด.ญ.ทัศนีย์ แม่หายจากโรคมะเร็งทันที ดีอกดีใจ บัดนี้ อยู่ ม.๖ แล้ว เรียนหนังสือเก่งเร่งก้าวหน้า หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง เกิดเอง ช้างเผือกเกิดเอง ช้างเผือก ช้างนาเนียม ช้างคู่บ้านคู่เมือง คู่จิตคู่ใจคือปัญญา เป็นช้างเผือก ช้างเผือกเรียกว่าปัญญาอยู่ในป่าแห่งความสงบ ช้างเผือกจะมีได้ต้องอยู่ในป่า ป่าตัวนี้แปลว่าความสงบ นตฺถิ สนฺติ ปรมํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มีแล้ว ถ้าคนไหนอยู่ด้วยความสงบไม่วุ่นวาย คนนั้นมีช้างเผือกคู่บ้านคู่เมือง ช้างคู่บ้านคู่เมืองนั้นก็คือตัวปัญญาญาณ รอบรู้ในกองการสังขารหาเหตุการณ์ได้ในชีวิตจะทำอะไรก็สำเร็จเพราะมีช้างเผือก ที่เราเรียกว่าอยู่ในป่า ป่าตัวนี้น่าจะแปลว่าแห่งความสงบ ไม่ใช่ป่ารกรุงรัง สิงสาราสัตว์ก็ฆ่ามัน ต้นไม้ก็โค่นมัน ไม่ใช่ป่าแบบนั้น แต่เป็นป่าแห่งความสงบ ปรารภความเพียร ป่าแห่งความสงบ เรียนหนังสือเป็นดอกเตอร์ นั่นแหละช้างเผือกแน่นอน คู่บ้านคู่เมืองคู่จิตคู่ใจอยู่ในตัวเรานั่นคือกรรมฐาน ถ้าท่านเจริญกรรมฐานก็จะรำลึกได้หมด ท่านจะมีความเคารพน้อมนบและบูชาเกิดเอง เจริญสติปัฎฐาน ๔ ยืนหนอ ๕ ครั้ง ได้ ขอให้ท่านทำให้ได้ก่อนจะกลับ อย่านำความสงสัยกลับบ้าน เสียดายเวลาอันมีประโยชน์และมีค่า เดินจงกรมต้องดูที่เท้า อาตมาสังเกตดู ไปดูกันที่ไหน หลับตาเดินทำไม ดูที่ปลายเท้าให้เห็นชัด ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ให้ชัดเจน หน่อยได้ไหม อย่าเดินเหมือนคนจะตาย ต้องเดินให้ได้จังหวะ ปัจจุบัน ยืนหนอ ๕ ครั้งให้ได้ปัจจุบัน สติอยู่กับจิตที่ยืนลงไปปลายเท้าขึ้นมาถึงศีรษะมโนภาพหลับตา สติดีแล้วจะเกิดอัตโนมัติเห็นหนอ จากศีรษะลงปลายเท้า จากปลายเท้าขึ้นศีรษะ มันจะเป็นอัตโนมัติ ถ้าสติท่านสมบูรณ์ครบวงจรจะเป็นอย่างนี้จริงๆ แต่ถ้าสติท่านไม่ครบวงจรจะไม่เป็นอย่างนั้นเลย จะอ่านไม่ออกบอกไม่ได้ เพราะสติไม่พอไม่ครบวงจร ไม่บริบูรณ์ สติท่านไม่สมบูรณ์แบบมันจึงไม่ได้ผล ไม่ใช่ของง่ายนะ ท่านต้องทำบ่อยๆ เสมอต้นเสมอปลายกลับไปบ้านแล้วต้องทำเรื่อยๆ อายตนะธาตุอินทรีย์ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กำหนดให้ได้ กายสัมผัสร้อนหนาว ก็ต้องกำหนด เสียใจดีใจที่ลิ้นปี่นั่น หายใจยาวๆ กำหนดให้ลึกๆ รับรองท่านจะหาย โกรธหรือผูกความโกรธเข้าไว้ในจิตกำหนดแล้วท่านจะหายไปเอง คิดอะไรไม่ออกหายใจยาวๆ เอาไว้ อยู่ในรถหรืออยู่ที่ไหนก็ตาม หายใจตั้งสติไว้ที่ลิ้นปี่ กำหนดคิดหนอ สี่คิด ห้าคิด ร้อยคิด พันคิด เดี๋ยวคิดออก คิดออกจดไว้นี่แหละของจริง แต่ผู้ปฏิบัติไม่ปฏิบัติตามนะ โยมจะไร้ความหมายจะไม่ได้อะไรเลยนะ ขอฝากไว้ เสียงหนอ ตั้งสติไว้ที่หูให้ได้ จะได้รู้เลยว่าเขาพูดนั้นโกหกหรือเปล่า มันมีประโยชน์จริงๆนะ เราจะได้รู้ว่าคนนี้คบไม่ได้ หน้าซื่อใจคดลดเลี้ยว ปากหวานก้นเปรี้ยวคบไม่ได้ ขืนคบไปก็มีแต่เสียหาย มีประโยชน์ในการคบค้าสมาคม มีประโยชน์ในทางธุรกิจ มีสติในการใช้งาน มีชีวิตชีวาอยู่ด้วยความราบรื่น อยู่ด้วยความชื่นบาน มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่หลงไม่เซ็ง มีชีวิตอยู่ด้วยความสดชื่น อยู่ในจิตใจของตนตลอดกาล

    ท่านสาธุชนทั้งหลายกรรมฐานจึงเรียกว่าหน้าที่การงาน กรรมฐานเปลว่าเหตุและผล กรรมฐานตั้งต้นชีวิตให้ดีเหมือนออกแขกบอกเรื่องท่านจะแสดงดีตลอดรายการจนกระทั่งชีวิตหาไม่ มิฉะนั้นท่านจะไม่ได้อะไรติดตัวไปจะน่าเสียดายเวลาเป็นอย่างยิ่ง หนุ่มสาวทั้งหลายโปรดได้ทราบอันนี้ ถ้าท่านมีสติดีครบวงจรท่านจะอ่อนน้อมถ่อมตนกิริยามารยาทดีไพเราะโดยอัตโนมัติ พบคนก็มีความอ่อนน้อม เจอพระก็อยากจะนมัสการยกมือไหว้ เป็นอัตโนมัติ เจอผู้สูงอายุอยากจะเลี่ยงทางให้ อยากไหว้อยากจะกราบผู้มีอายุ หรือผู้มีอาวุโส ถ้าเป็นคนที่ปากกล้าจิตใจไม่มีธรรมะจะปากกล้าขาแข็งไม่มีสุภาพเรียบร้อยอ่อนโยน ออกมาเป็นลักษณะนี้ชัดเจนมาก ท่านสาธุชนท่านคิดดูอย่างนี้ท่านจะเห็นเอง จะเห็นที่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์แก่ตัวท่านเองโดยเฉพาะ เราเห็นเด็กถ้าปฏิบัติได้จะอยากสวดมนต์ไหว้พระ ยกตัวอย่างวันนี้ พ่อเป็นฝรั่งแท้ๆ แม่เป็นคนไทย เด็ก ๓ ขวบสวดพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ เจอพระสาธุจ้า เจอพระสาธุจ้า เจอคนแก่คนเฒ่าเลี่ยงทางให้ เหตุใดอ่านหนังสือไม่ออกจึงสวดพาหุงมหากาได้ แม่พ่อเขาสวด พ่อเป็นฝรั่งแท้ๆ แม่สวดตลอด ลูกก็ว่าตามจนได้ เด็กกำลังจำ ควรรีบสอนลูกหลานของโยมทำความดีให้มาก ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญประการหนึ่ง แต่ท่านไม่เอาไม่เป็นไรนะ ของดีไม่มีใครอยากได้ไม่เป็นไร ท่านจะเอาชั่วเต็มตัว เต็มเปา เต็มกระเป๋า ก็ไม่เป็นไรนะ ท่านจะสร้างความดีก็เอา จะไม่สร้างความดีก็ได้ไม่มีใครบังคับท่านหรอก จิตใของท่านใครจะบังคับได้ แต่ท่านมีจิตใจดี ท่านจะรู้ได้ว่าด้วย ปัจจัตตัง เวทิตัพโพวิญญูหิ เป็นประการใด สร้างความดีไม่ต้องบังคับบัญชาจะเกิดขึ้นเองด้วยความศรัทธาความเชื่อมั่นของท่านเอง ถ้าท่านไม่ศรัทธาไม่เชื่อมั่นไม่ต้องทำบุญ ไม่ต้องเจริญกรรมฐาน มันไม่ได้ผลแน่นอน ไม่ได้อะไรจริง อย่าทำให้เสียเวลา กลับบ้านเถอะ กลับไปแล้วไปเที่ยวชอปปิ้งที่โน่นที่นี่ยังมีประโยชน์กว่า ดีกว่ามานั่งให้เสียเวลาให้เมื่อยเปล่าๆ บางคนมานั่งวันเดียวยังไม่หายเมื่อยกลับไปแล้ว บางคนก็บ่นว่ารู้อย่างนี้ไม่มาเสียดีกว่า อยู่บ้านได้ผล พูดอย่างนี้ก็มี ก็ขอเจริญพร ว่าคนไม่เหมือนกัน คนดีเขาก็อยากได้ของดี คนไม่ดีเขาก็ไม่ต้องการของดีนะ ต้องการของชั่วตรงกันข้ามดังที่กล่าวแล้ว ไม่ได้หมายความว่าต้องการดีด้วยกันทุกคน แต่จุดมุ่งหมาย ต้องการรวยต้องการสวย ต้องการดี แต่วิธีปฏิบัติไม่ดำเนินงานตามนั้น จึงไม่ได้ดีเท่าที่ควร คนเราจึงมีฐานะไม่เหมือนกัน มีสมองไม่เหมือนกัน มีปัญญาไม่เท่ากัน มีความดีไม่เท่ากัน จะเป็นพระหรือฆราวาส อุบาสก อุบาสิกา ก็ไม่เท่ากัน มีดีไม่เหมือนกัน

    เพราะฉะนั้นการเจริญกรรมฐานนี้ จะนึกถึงบุพการีเหมือนตรุษจีนเช่นวันนี้ ไหว้บรรพบุรุษ คือ ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมํคลมุตตมํ บูชาผู้มีบุญคุณนั้นเป็นมหามงคลชีวิตแน่นอน เกิดได้จากการเจริญกรรมฐาน ถ้าใครเจริญกรรมฐานจะระลึกถึงบุพการีได้ ๑.จะมีการสักการะ ๒.เคารพ ๓.บูชา ๔.นับถือ ๕.เชื่อฟัง มันจะออกมาอย่างนี้ สักการะ แปลว่า เอาใจใส่พ่อแม่ เอาใจใส่สามีภรรยา ปู่ย่าตายาย ถึงตายจากโลกไปแล้วก็เอาใจใส่ติดตามบูชาพระคุณ เคารพ แปลว่า มั่นใจ ถ้านั่งกรรมฐานได้จะตีความหมายได้ชัด มั่นใจต่อบิดามารดาของเรา มั่นใจต่อปู่กับย่า ตากับยายของเรา ต่อสามีภรรยา มั่นใจต่อลูกต่อหลาน ไม่เสแสร้งแกล้งกล่าว บูชา แปลว่า บูชาพระคุณด้วยบูชาอามิสบูชา ปฏิบัติบูชา อามิสบูชา คือให้ผ้าผ่อนท่อนสไบ อาหารการบริโภค ยารักษาโรคแก่ท่านทุกประการ ปฏิบัติบูชา หมายความว่า ท่านไม่มีทานให้ท่านบำเพ็ญทาน ไม่มีศีลให้บำเพ็ญศีล ไม่มีภาวนาให้ท่านสวดมนต์ไหว้พระ รักษาอุโบสถ เป็นต้น และไม่ทำลายน้ำใจพ่อ แม่ ปู่ ย่าตา ยาย ผู้มีบุญคุณทั้งหลายออกมาอย่างนี้ชัดเรียกว่าบูชา นับถือ แปลว่า ยึดขึ้นมา คนนี้เป็นพี่เป็นน้อง สามีภรรยา ต้องยึดถือขึ้นมาให้มั่นคงในจิตใจของเรา เชื่อฟังข้อที่ ๕ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ เชื่อฟังซึ่งกันและกัน จะไม่มีผันแปรแปลกปลอมแต่ประการใด เรียกว่าบูชาในบุพการี การสักการะ การเคารพ การบูชา การนับถือ และการเชื่อฟัง ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมํคลมุตตมํ บูชาในผู้มีพระคุณทั้งหลายจะได้รับการสรรเสริญเจริญพร ทั้งต่อหน้าและลับหลังเหมือนในวันตรุษจีนเช่นในวันนี้ ท่านทั้งหลายอย่าเข้าใจผิดเผากระดาษเงินกระดาษทองแล้วจุดประทัดเท่านั้นหรือ น่าจะตีความหมายถึงธรรมะว่าบุพการีคืออะไร กตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษของท่านเพื่อประโยชน์อันใด รำลึกถึงพระคุณอันอุ่นใจทำใจให้สบาย ค้าขายก็จะรวย วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันไหว้พระ วันนี้เป็นวันไหว้ผีบรรพบุรุษ ไปไหว้พระตามวัดวาอารามต่างๆ เดี๋ยววัดอัมพวันต้องมีมากันเยอะแยะ นึกคงจะไม่ผิด มาแต่เช้า เขาออกไหว้พระ วันที่สองก็ออกไหว้พระเรียกว่าวันชิวยิก ชิวยี่ ชิวซากลับบ้าน อย่าไปถึงชิวห้า ชิวหกเลย มันจะเสียเวลาการค้าขายทำงานต่อไป นี่แหละวันนี้วันกรรมฐาน ขอให้ท่านพี่น้องชาวไทยสัญชาติจีน และคนไทยเหมือนกันทำเหมือนกันได้หมดเช่นในวันบุพการีเช่นในวันนี้ วันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน เมืองไทยก็มีแต่จีนเต็มเมืองไปหมดแล้วไม่จำต้องว่าคนนั้นแยกเป็นไทย เป็นมอญ เป็นรามัญ ไม่ต้องแยกมนุษยชาติศักยภาพของบุคคลผู้มีบุญคุณซึ่งกันและกันเรียกว่าบุพการี โยมนั่งเจริญกรรมฐานจะเห็นได้ชัดแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลเป็นต้น โยมจะได้หลักการปฏิบัติธรรมเอามาไว้ในจิตใจของโยม สามารถจะปกป้องการไปสู่อบายภูมิ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน จะได้ไม่ไปในภูมินั้นต่อไป

    สุดท้ายนี้ที่ได้ชี้แจงแสดงถึงบรรพบุรุษ บูชาบรรพบุรุษกตัญญูต่อเหตุผลของบรรพบุรุษในวันนี้ ซึ่งเป็นวันแสดงความกตัญญูกตเวทีในโอกาสวันตรุษจีนหรือวันขึ้นปีใหม่ของท่าน เราก็มาเจริญกรรมฐาน ก็ต้องการตรงนี้ ต้องการรู้บุพการี รู้คุณค่าของชีวิต กตัญญูต่อบิดามารดา บ้านเกิดเมืองนอนของตน ที่จะได้มีโอกาสบริจาคทาน ศีล และภาวนา ถวายภัตตาหารเป็นต้น วันนี้ท่านที่มีศรัทธามาถวายภัตตาหารเป็นจำนวนมาก และบางท่านนำข้าวสุกข้าวสารมาถวาย เครื่องสัปปริวารัง เครื่องสังฆทานมาถวายกันเป็นต้น มาถวายไว้ท่ามกลางสงฆ์จะได้ร่วมอนุโมทนา สาธุการ ทักษิณาทาน การกุศลให้ถึงบรรพบุรุษของท่านต่อไปแล้วนั้น ก็ขอบุญกุศลที่ท่านได้บำเพ็ญมาในวันนี้ ทั้งญาติโยมทั้งหลาย ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ทั้งอุบาสก อุบาสิกา อาตมาภาพ ประธานสงฆ์ของอนุโมทนา แก่ท่านทั้งหลาย ขออำนาจ คุณพระศรีรัตนตรัย อำนาจบุญกุศลทั้งหลายโปรดประทานพรให้ญาติโยมทั้งหลาย ที่มาเจริญพระกรรมฐาน เจริญกุศลภาวนาโดยทั่วกัน จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ จงเจริญไปด้วย อายุ วัณณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ คิดสิ่งหนึ่งประการใดก็ขอให้สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกันทุกรูปทุกนาม เทอญ.

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.htmlหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›