๑๙/๒๑ ผลที่ได้จากการปฏิบัติธรรม

อนงค์ แดงพยัคฆ์

    ดิฉัน น.ส.อนงค์ แดงพยัคฆ์ อายุ ๔๐ ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยรามคำแหง บิดาชื่อ นายฉ่ำ แดงพยัคฆ์ มารดาชื่อ นางฉลวย แดงพยัคฆ์ ครอบครัวทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและเกษตรกรรมเป็นครั้งแรก โดยท่านพระครูญานประยุต เจ้าอาวาสวัดเขาตะแบก ซึ่งท่านเป็นพระพี่ชายเป็นผู้แนะนำและพาดิฉันไปส่งที่วัดอัมพวัน ซึ่งดิฉันไม่เคยรู้จัดวัดอัมพวันมาก่อน มีแต่น้องสาว คือ น.ส.ศิริพร แดงพยัคฆ์ ซึ่งรู้จักหลวงพ่อ (พระธรรมสิงหบุราจารย์) จากหนังสือและได้สวดพาหุงมหากา และอิติปิโสบทพุทธคุณ เกินกว่าอายุ ๑ จบ แต่ยังไม่เคยไปปฏิบัติธรรม และยังไม่เคยไปที่วัดอัมพวันเลย

    ดิฉันเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๔๖ โดยรับพระกรรมฐานกับพระครูสังฆรักษ์ธเนศ โดยมีแม่ครูซูง้อเป็นผู้สอน เหตุที่ไปปฏิบัติธรรม เนื่องจากยังไม่มีแนวทางคือไม่มีครู และมีทุกข์บ้าง แต่ไม่ถึงกับเครียดมาก หลังจากกลับจากวัดอัมพวันแล้ว ดิฉันกลับมาปฏิบัติที่บ้านทุกวันไม่เคยขาด การปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ดิฉันได้เริ่มบำเพ็ญจิตภาวนาทุกวัน ทั้งตอนเช้าหลังภารกิจเตรียมอาหารให้คุณพ่อตักบาตรตอนเช้า ช่วงก่อนนอนจะสวดมนต์แล้วตามด้วยพุทธคุณ ๑๐๘ จบ ตามคำสอนของหลวงพ่อ เสร็จแล้วขออโหสิกรรมแล้วแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศล ถ้าเป็นวันพระดิฉันจะถือศีล ๘ และเข้ากรรมฐานตอนเช้าอย่างน้อย ๒ ชั่วโมง แต่เคยเข้าถึง ๔ ชั่วโมง ดิฉันศึกษาธรรมะของหลวงพ่อจากหนังสือกฎแห่งกรรมและธรรมปฏิบัติทุกเล่ม จากเทป ซีดีและ MP3 การเข้ากรรมฐานของดิฉันทุกครั้งจะต้องอธิษฐานจิตทุกครั้ง และไม่เคยเสียสัจจะแม้แต่ครั้งเดียว สมาชิกในครอบครัวได้มีโอกาสปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดอัมพวัน และกลับมาปฏิบัติที่บ้านต่อไม่เคยขาด

ผลที่ได้จากการปฏิบัติธรรมนับจากวันที่ไปปฏิบัติ
    ๑. ทำให้ดิฉันมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่าแต่ก่อน โรคที่เป็นก็หายเกือบหมด ทำให้มีสติแก้ไขปัญหาชีวิตและรู้กฎแห่งกรรมของตัวเอง อาทิ ข้าพเจ้าเคยเผามดและรู้กรรมของตัวเองตอนเข้ากรรมฐาน มดกัดดิฉันตลอดแต่ก็อดทนจนหมดเวลาที่กำหนด พอออกจากกรรมฐานก็ไม่เห็นมีมดสักตัว ดิฉันมีสติในการทำงานมากขึ้น กำหนดจิตเป็นซึ่งต้องใช้เวลาฝึกพอสมควร

    ๒. ครอบครัวดิฉันช่วยชาวไร่ ๒ ราย รายแรกเมื่อ ๑๗ กันยายน ๒๕๔๖ ไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคารเป็นของสองแม่ลูก ซึ่งมีอายุถึง ๘๕ ปี และลูกสาวอายุ ๖๔ ปี แกเอาที่ดินไปค้ำประกันให้หลานกู้เงินลงทุนค้าขายแล้วขาดทุน การช่วยครั้งนี้มีปัญหามากจนครอบครัวดิฉันเกือบจะทนไม่ได้ ถ้าไม่มีธรรมะของหลวงพ่อช่วยไว้ แรก ๆ ก็ทำใจไม่ได้ แก้ปัญหาไม่สำเร็จก็พากันไปกราบหลวงพ่อและเข้ากรรมฐานแผ่เมตตาแผ่ส่วนกุศลให้สองแม่ลูกมีความสุข จนครั้งสุดท้ายใกล้จะครบ ๑ ปี นำปัญหามาปรึกษาท่านพระครูสังฆรักษ์ธเนศ ท่านชี้แนะว่าจัดสรรให้เขาไปตามส่วนที่เขาควรจะได้เมื่อหักส่วนของเราออกแล้ว ได้คติธรรมว่าครอบครัวดิฉันช่วยผิดตัวบุคคล ผิดสถานที่ ผิดกาลเวลา เพราะสอนแม่ลูกนี้ไม่รู้จักคำว่า กตัญญูต่อผู้มีพระคุณเลย

    ส่วนรายที่ ๒ ไถ่ถอนที่ดินเมื่อ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๖ จากบริษัทเงินทุน ซึ่งเป็นพนักงานของครอบครัวดิฉันเอง ซึ่งทำงานโดยสุจริต รับผิดชอบดีพอสมควร ไม่เคยทำความเสียหายมาให้และใช้หนี้บุคคลภายนอกแทนพนักงานอีก ๑ ราย แล้วให้พนักงานไว้เป็นที่อยู่อาศัยอีก ๑ แปลง

    ที่ดินดังกล่าวมีการบอกขายแต่ก็ขายไม่ได้มีปัญหาเรื่อยมา พนักงานเขามีญาติซึ่งฆ่าตัวตายในที่ดินแปลงนี้ เขามาขอส่วนบุญจากดิฉัน ดิฉันก็แนะนำให้พนักงานพาแม่ของเขาไปเข้ากรรมฐาน ๓ วัน รวมทั้งตัวเขาและภรรยา แล้วกลับมาทำงานตามปกติ จะด้วยผลบุญหรืออย่างไรไม่ทราบทำให้ครอบครัวดิฉันช่วยพนักงานรายนี้มิให้ถูกฟ้องเป็นคนล้มละลาย

๓. ดิฉันได้อธิษฐานจิตทุกวันขอให้เป็นอภิชาตบุตรตามคำสอนของหลวงพ่อ คืออยากให้คุณพ่อคุณแม่มีศีลและภาวนาบ้าง ผลของการอธิษฐานจิตสำเร็จผลเมื่อ ๑๖ – ๑๘ มกราคม ๒๕๔๖ คุณพ่อคุณแม่เข้ากรรมฐานครั้งแรกพร้อมดิฉันและน้องสาว

    คุณพ่อของดิฉันเคยถูกไฟเบอร์ตัดเหล็กตัดหลอดลมเกือบขาด ต้องใส่หลอดคอช่วยหายใจ ทำให้คุณพ่อหายใจสั้น เหนื่อยง่าย ใจคอหงุดหงิด โมโหง่าย มีเรื่องเถียงคุณแม่ประจำ คุณแม่บอกเป็นกรรมของคุณพ่อเชือดไก่ไว้เยอะ

    ครอบครัวของดิฉันยังไม่มีหลานไว้สืบสกุลจนถึงปัจจุบัน เพราะสมัยหนุ่ม ๆ คุณพ่อได้ผ่าท้องงูปากกว้างทั้งเป็น เพื่อเอาไข่มาต้มกิน คุณพ่อบอกว่าอร่อยมาก งูแต่ละตัวมีไข่ในท้องนับไม่ถ้วน ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ต้องพลัดพรากจากลูกชายซึ่งออกไปทำกินอยู่ต่างหาก

    พ่อไม่เคยศรัทธาหลวงพ่อเลย ตอนที่ยังไม่ได้มาเจริญวิปัสสนากรรมฐาน แต่ก็มารับ-ส่ง ดิฉันตอนมาเข้ากรรมฐานครั้งแรก และไปวัดอัมพวันด้วยทุกครั้งที่ดิฉันไป และพูดว่าอีกด้วย “พระพูดไม่ได้กราบทำไม” ตอนนั้นหลวงพ่อหลอดคออักเสบห้ามใช้เสียง นี่เป็นกรรมของครอบครัวดิฉัน

    ดิฉันพร้อมน้องสาวนำพวงมาลัยมะลิสดกราบคุณพ่อพูดเรื่องที่กล่าวข้างต้นเพื่อที่คุณพ่อจะได้แก้กรรมและขออโหสิกรรมที่ทำไว้ ลูกชายของคุณพ่อจะได้เข้าบ้าน ตอนนี้ยังไม่หมดกรรม แต่ก็ใกล้แล้ว ส่วนคุณแม่ดิฉันท่านมีศรัทธาต่อหลวงพ่ออยู่แล้ว

    ๔. เดิมครอบครัวดิฉันเป็นชาวไร่ ทำสวนมะพร้าว ขนุน ทำไร่มันสำปะหลัง สับปะรด แต่ส่งลูกเรียนทุกคนต่อมาหันมาทำธุรกิจน้ำมัน เริ่มจากปั๊มหลอดคือปั๊มไม่ได้มาตรฐาน ขยายใหญ่ขึ้นเป็นมาตรฐานภายใต้เครื่องหมายการค้า ปตท. ฐานะดีขึ้นกว่าคนในละแวกที่อยู่อาศัย จนชาวบ้านเขาลือว่าครอบครัวดิฉันขายน้ำมันรวย เมื่อมาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อแล้ว ธุรกิจน้ำมันมีลูกค้าแน่นสถานีบริการทุกวัน ยอดขายสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนเท่าตัว และลูกค้าบอกว่าควรขยายปั๊มได้แล้ว หรือขยายสาขาเพราะลูกค้าแน่น ตู้จ่ายไม่พอบริการ

    ส่วนมะพร้าวที่ไร่ คุณแม่ให้คุณพ่อไปกับพนักงานนำเข้าโรงครัว คุณแม่ไม่เคยขายมะพร้าวเลย ตั้งแต่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อทั้งครอบครัว คุณแม่จะตัดมะพร้าวที่งอกหรือเสียออกไว้ตาก ที่ดี ๆ จะนำมาถวายที่ วัดอัมพวัน ทำให้มะพร้าวยิ่งดก และถวายค่าอาหารเมื่อตรงกับวันคล้ายวันเกิดของสมาชิกในครอบครัว และวันที่เห็นว่าสำคัญครอบครัวดิฉันไปทำบุญกับหลวงพ่อทุกครั้งที่หลวงพ่อจัดงานตั้งแต่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อมาจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อไม่เคยบอกบุญหรือเรี่ยไรแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่ให้ปฏิบัติเพื่อตัวเอง ครอบครัวของดิฉันจึงถือคติของหลวงพ่อว่า “ยิ่งให้ ยิ่งได้ ยิ่งหวง ยิ่งอด หมดไม่มา เราไม่หวง เราไม่อด ไม่หมดมาเรื่อย ๆ”

    ดิฉันและครอบครัวขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก จงช่วยคุ้มครองให้หลวงพ่อจรัญ พระธรรมสิงหบุราจารย์ มีพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง ช่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนา เพื่อสร้างคนสืบไป เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชนชั่วกาลนาน

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›