๑๓/๑๑ แสงธรรมนำชีวิต

ปิยะวัฒน์ แสงเย็น

 

    ข้าพเจ้า เป็นลูกศิษย์พระราชสุทธิญาณมงคล หรือ หลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี

    ข้าพเจ้าชื่อ นายปิยะวัฒน์ แสงเย็น เป็นบุตร นายสนิท นางประสิทธิ์ แสงเย็น เป็นบุตรคนที่ ๓ ในจำนวนพี่น้อง ๘ คน เป็นชาย ๖ คน หญิง ๒ คน อยู่บ้านเลขที่ ๑๔๖ หมู่ที่ ๒ ตำบลแสนตอ อำเภอขาณุลักษณ์บุรี จังหวัดกำแพงเพชร โทร. ๐๑ – ๒๘๐๙๕๑๓

    ปัจจุบัน ข้าพเจ้าอายุ ๓๔ ปี ชีวิตในวัยเด็กลำบากมาก ข้าพเจ้าต้องออกมาช่วยพ่อแม่ ทำนา ตั้งแต่เรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ รายได้จากการทำนำแต่ละปี นอกจากต้องเสียค่าเช่านา ส่งธนาคารแล้ว ต้องใช้จ่ายในครอบครัวอีก ๑๐ ชีวิต พ่อแม่ลูก แค่มีกินไปวันหนึ่งๆ ก็ไม่ค่อยจะพอ

    จำได้ว่า เมื่ออายุได้ประมาณ ๑๔ – ๑๕ ปี เห็นคนอื่นเขามีอาหารดีๆ รับประทาน มีเสื้อผ้าใหม่ๆ ใส่ นึกถึงตัวเองแล้วถึงกับน้ำตาไหล เพราะไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ใส่เลย มีชีวิตอยู่แบบซังกะตายไปวันๆ ไม่มีหลักอะไร ผิดกับลุง ป้า น้า อา เขาค้าขาย ฐานะดีมีรถใช้ เมื่อข้าพเจ้าว่างจากการทำนาก็จะไปช่วยเขา ชำแหละกล้วยบ้าง ตีหมอนกล้วยบ้าง นำกล้วยไข่ล่องไปขายถึงสิงห์บุรี อ่างทอง และกรุงเทพฯ เขาก็จะซื้อบุหรี่ให้สูบ ซื้อเหล้าให้ดื่ม ค่าแรงได้บ้างไม่ได้บ้าง ใช้ชีวิตเที่ยวเตร่ไม่มีแก่นสารอะไร

    ข้าพเจ้าเคยไปชอบผู้หญิงคนหนึ่ง บ้านเขาอยู่ไปทางใต้บ้านของข้าพเจ้า แม่เขาบอกว่า ถ้ารักชอบกันจริงก็ให้ไปสู่ขอ เรียกสินสอดสองหมื่น ทองหมั้นสองบาท เขาจะยกลูกสาวพร้อมทั้งมอบที่ดินให้อีก ๑๐ ไร่ ข้าพเจ้าเลยไม่ไปบ้านเขาอีกเลยตั้งแต่วันนั้นเพราะเจียมตัวว่าเราจน

    หวังความก้าวหน้า แต่เพราะมีความรู้เพียง ป.๔ หางานทำยาก จึงไปสมัครเรียนการศึกษานอกโรงเรียนที่จังหวัดกำแพงเพชร แต่ยังไม่ทันจะสอบเทียบระดับชั้นมัธยมศึกษาก็ต้องหยุดเรียนเพราะไม่มีเงิน แล้วตามแม่ไปอยู่กับป้าที่แม่สอด ข้าพเจ้าช่วยป้าเผาถ่าน ๒ คน กับเพื่อน เผาเดือนละประมาณ ๑๕๐-๒๐๐ กระสอบ โดยเริ่มจากการเรียงฟืนจากไม้ที่เล็กบ้างใหญ่บ้างเป็นชั้นๆ แล้วกรุฝาให้ดีเพื่อจะได้อัดขี้เลื่อยเข้าไปให้แน่น ซึ่งใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๑๕ วัน เวลาเผาต้องดูแลทั้งคืนไม่ให้ข้างในเป็นโพรง ถ้าข้างในเป็นโพรงถ่านจะมอดไหม้หมด ได้ถ่านไม่กี่กระสอบ โดยใช้ไม้คอยตีบนเตา หรือขึ้นไปเหยียบบนเตา ซึ่งเป็นงานที่เสี่ยง และต้องใช้ความอดทนมาก ต้องยกให้ชาวกะเหรี่ยงที่มีความอดทน เคยมีกะเหรี่ยงคนหนึ่งตกลงไปในเตาถึงกับเสียชีวิต ข้าพเจ้าเคยพลาดขาตกลงไปในเตาข้างหนึ่ง แต่รอดตายมาได้ ไม่เช่นนั้นอาจไม่ได้มาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ หรืออาจเป็นบุญที่ข้าพเจ้าซึ่งเป็นคนใจบุญ ไปทำบุญในวันพระบ่อย จึงเชื่อว่า บาป บุญ มีจริง จากเหตุการณ์ครั้งนั้นข้าพเจ้าจึงตัดสินใจออกจากบ้านป้า

    ขณะนั้นมีญาติ คือลูกของป้าเป็นเจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ข้าพเจ้าโทรศัพท์ไปหาเขา เขากำลังขาดคนขายผ้าอยู่พอดี จึงเข้าไปอยู่กับเขา แต่เพราะความรู้น้อย และยังอ่อนประสบการณ์ เขาจึงยังไม่ไว้ใจให้ข้าพเจ้าขาย แต่เขามีมอเตอร์ไซค์อยู่หลายคัน เขาจึงให้ข้าพเจ้าขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งข้าพเจ้าก็ตกลงรับงานทันที

    การขับรถในกรุงเทพฯ ไม่เหมือนต่างจังหวัด การจราจรคับคั่ง และยังไม่รู้จักซอยต่างๆ ก็ได้แต่อาศัยผู้โดยสารบอกทางให้บ้าง เดาเอาเองบ้าง บางครั้งขาไปๆได้ แต่ขากลับๆไม่ถูก หลงทางอยู่บ่อยๆ ก็ต้องเที่ยวถามเขาจึงกลับมาถูก เหมือนคำโบราณที่ว่า “ทางอยู่ที่ปาก” เป็นเช่นนั้นจริงๆ ใช้เวลาเป็นปีกว่าจะชำนาญทาง เวลานั้นถ้าวิ่งระยะใกล้ๆ เช่น แค่กลางซอย ค่าโดยสาร ๒ บาท ถ้าไปปากซอยก็ ๕ บาท วันหนึ่งๆ หักค่าเช่า และค่าใช้จ่ายส่วนตัวแล้วพอมีเหลืออยู่บ้างแต่ไม่มาก พอย่างเข้าปีที่สอง หัวหน้าวินเขาไม่พอใจว่า ข้าพเจ้าเป็นคนต่างจังหวัด แต่มาแย่งอาชีพเขา เขาก็คอยหาเรื่องอยู่บ่อยๆ ข้าพเจ้าไม่อยากมีเรื่องกับใคร และรายได้ก็แค่พอกินพอใช้เท่านั้น จึงบอกเถ้าแก่ (ลูกของป้า) ว่าขอกลับบ้านต่างจังหวัด ไปทำนาอย่างเดิม ชีวิตมืดมนไม่มีอะไรก้าวหน้า

    ข้าพเจ้าเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้งหนึ่ง พอดีช่วงนั้นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของลูกป้ากำลังขายดีมาก เขาเลยให้ข้าพเจ้าช่วยขายกางเกง ให้ค่าแรงวันละ ๕๐ บาท ขายตั้งแต่เช้าถึงตีสอง ลำบากมาก จนเขาไว้ใจให้ข้าพเจ้าขายโดยให้เปอร์เซ็นต์ ข้าพเจ้าจึงเริ่มขายเป็น และขายเรื่อยๆ ไปทุกจังหวัด ตอนนั้นก็ขายไม่ค่อยดีเท่าไร ไปตามงานต่างๆ ก็เสี่ยงมาก เพราะมีขโมยมาก เผลอไม่ได้ ขายอยู่หลายปีไม่มีอะไรเป็นของตนเอง ก็กลับต่างจังหวัดอีก มีเงินเหลือไปนิดหน่อย พอเงินหมดก็กลับมาขายอีก ทำเช่นนี้อยู่หลายปี

    ตอนนั้นข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์บ้างแล้วแต่ยังไม่ถูกต้อง เพราะยังไม่ได้พบหลวงพ่อจรัญ โดยสวดมนต์แล้วสวดพระคาถาชินบัญชร ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง พอมาพบหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านสอนว่า “จะสวดคาถาอะไรก็ได้ แต่อย่าข้าม บทพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ คือ อิติปิโสฯ และพาหุงมหาการุณิโก” นั่นเอง ฉะนั้น เท่ากับข้าพเจ้าปฏิบัติเหมือนกับคำสอนของหลวงพ่อที่ว่า “ข้ามไปเรียนปริญญาโทเลย โดยที่ยังไม่ได้เรียนชั้น ป.๑”

    ข้าพเจ้าออกขายตามต่างจังหวัด จนไปพบผู้หญิงถูกใจ ที่จังหวัดพิษณุโลก รู้สึกถูกชะตา ข้าพเจ้าจึงเข้าไปพูดขอกับผู้ใหญ่ด้วยตนเอง ผู้ใหญ่ก็ยกให้ เพราะเขาเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนทำมาหากิน ตกลงแต่งงานทั้งๆ ที่ตัวคนเดียวยังเอาตัวไม่รอด ต้องดิ้นรนหลายปี ไปขายงานเทศกาลตามต่างจังหวัด พอหมดงานเทศกาลก็กลับบ้าน ได้แค่มีกินมีใช้ไปวันหนึ่งๆ

ข้าพเจ้ามีโอกาสได้รู้จักหลวงพ่อจรัญ
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้าพเจ้าไปอยู่กับน้องสาวแท้ๆ ซึ่งเคยเป็นคนงานโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า แล้วแยกตัวมาเปิดกิจการของตนเองที่จังหวัดนครสวรรค์ เขาให้ข้าพเจ้าไปช่วยขาย ข้าพเจ้าคิดว่าช่วยน้องของเราดีกว่าไปช่วยคนอื่น จึงเป็นลูกจ้างของน้องสาวอยู่หลายปีก็ไม่มีอะไรดีขึ้น พอกินพอใช้ไปวันหนึ่งๆ ลำบากมาก ข้าพเจ้ากับภรรยาไปขายมาทุกจังหวัดไม่ว่าภาคเหนือ ภาคใต้ ไปหมด ขายได้ไม่คุ้มกับของที่หาย ค่าใช้จ่ายสูง แม้จะเข้าห้องน้ำก็ต้องเสียเงิน

    ข้าพเจ้าไปขายของที่จังหวัดนครสวรรค์ ไปพบคุณลุงท่านหนึ่ง อายุประมาณ ๕๐ ปี แนะนำข้าพเจ้าว่า “ถ้าหนูจะเดินสาย ก็เดินให้ถูกทาง ทุกข์ก็จะไม่มี มงคลก็จะมา” (ข้าพเจ้าเก็บไปคิดอยู่นาน คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก)

    ข้าพเจ้าสนใจพระเครื่อง ชอบอ่านหนังสือพระ และเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อเดิมแห่งวัดหนองโพ จากข้อความในหนังสือจึงได้ทราบว่า หลวงพ่อจรัญเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเดิม ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความสนใจหลวงพ่อจรัญ ข้าพเจ้าได้รู้จักหลวงพ่อจรัญครั้งนั้นเอง และได้ทราบถึง มงคลชีวิต หรือ แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา จากหนังสือกฎแห่งกรรมของหลวงพ่อจรัญ ซึ่งถ้านำมาปฏิบัติแล้วจะสามารถแก้กรรมได้ ข้าพเจ้านึกถึงคำพูดของคุณลุงที่พบที่นครสวรรค์ได้ว่า มงคลชีวิตที่แท้จริง คือ การเดินทางชีวิตให้ถูก ข้าพเจ้าจึงเริ่มสวดมนต์บทอิติปิโสฯ และพาหุงมหาการุณิโก บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ที่หลวงพ่อเทศน์สอน พระเณร อุบาสก อุบาสิกา ให้สวดอยู่ทุกวันนั่นเอง

บทสวดพาหุงมหาการุณิโก
หลวงพ่อสอนว่า การสวดให้เริ่มสวดบทบูชาพระรัตนตรัย ๑ จบ แล้วสวดบทอิติปิโส เกินอายุ ๑ จบ เป็นการต่อดวง หรือ ต่ออายุนั้นเอง

    คนไทยชอบทัวร์บุญ ไปขอบุญ ขอพรพระ ทำสังฆทาน เข้าวัดโน้น ออกวัดนี้ สู้ฝรั่งก็ไม่ได้ มาขอธรรมะจากหลวงพ่อ แล้วนำไปปฏิบัติ ได้สติปัญญา แก้ปัญหาชีวิตได้
การสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร ยังไม่เท่ากับสร้างพระในจิตใจคน
ให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง

    ข้าพเจ้าพิจารณาดูแล้ว เป็นความจริงดังที่หลวงพ่อท่านเทศน์สอน ตอนนั้นข้าพเจ้าเดินไม่ถูกสาย สวดมนต์มั่วไปหมด ไม่ทราบว่าบทอะไรบ้าง ใครบอกว่าอะไรดี สวดแล้วรวย สวดแล้วค้าขายดี สวดหมด ทรงเจ้า หรือหมอดูที่ว่าแม่น ให้หวยแม่น อยู่ที่ไหน ใกล้ไกลแค่ไหนไปหมด ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมาเลย มีแต่ทรงกับทรุด

    ข้าพเจ้าเริ่มมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน สวดมนต์ทุกเช้าค่ำ เริ่มมีสติปัญญามาเรื่อยๆ เริ่มได้แสงสว่างทางปัญญาแก้ไขปัญหาชีวิตได้ ไม่ต้องพึ่งหมอดูอีกต่อไป พึ่งตนเองได้ สอนตนเองได้ ข้าพเจ้าได้ของดีจากหลวงพ่อ เมื่อก่อนได้แค่กระพี้ เพิ่งจะมาได้รับแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาจากหลวงพ่อ เป็นพระคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ข้าพเจ้าได้พบแสงสว่างทางปัญญา ดังคำสอนของหลวงพ่อที่ว่า “แสงอะไรจะเท่าแสงปัญญาไม่มี แสงพระอาทิตย์ แสงจันทร์ก็สู้แสงปัญญาไม่ได้”

    จากนั้นชีวิตของข้าพเจ้าก็เริ่มดีขึ้น ผ่อนรถปิคอัพได้คันหนึ่ง ทำให้สามารถมาวัดอัมพวันได้บ่อยขึ้น แต่ในตอนนั้นข้าพเจ้ายังไม่ได้เริ่มปฏิบัติธรรม เพียงแต่พาแม่ พี่ น้อง มาปฏิบัติธรรม

    น้องชายที่ชอบกินเหล้า เที่ยวเตร่ มาบวชเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ พอสึกออกไปแล้วกลับตัวเป็นคนดี ตอนนี้กำลังทำปริญญาตรี มีรถยนต์ใช้ ตอนนี้อยู่ที่กรุงเทพฯ

    พี่ชายของข้าพเจ้าที่เคยผ่อนส่งรถหลายคัน แต่ถูกบริษัทยึดหมด ข้าพเจ้าจึงนำคำสอนของหลวงพ่อไปแนะนำให้เข้าฟังบ่อยๆ ว่า “คนเราจะทำบุญให้ได้บุญ ต้องละบาป ถ้าละความชั่วไม่ได้ ก็รวยไม่ได้ ดีไม่ได้” จนกระทั่งเขาเชื่อ และมาปฏิบัติธรรมอยู่ ๓ วัน กลับไปแล้วดีขึ้นกว่าเดิมมาก ผ่อนส่งรถได้ และไม่ถูกยึดเหมือนแต่ก่อน

    น้องชายคนเล็ก นอนอยู่บ้านไม่ยอมทำอะไร แต่เขาเชื่อข้าพเจ้า ยอมมาปฏิบัติธรรม กลับไปบ้านสวดมนต์ทุกวัน ตอนหลังได้แต่งงานกับลูกสาวเจ้าของร้ายขายมอเตอร์ไซค์ ที่อำเภอตาคลี ฐานะดี เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ เหมือนกัน

    เมื่อข้าพเจ้ามีรถสำหรับค้าขายแล้วแต่ขาดเงินหมุนเวียน ข้าพเจ้าก็นั่งเป็นทุกข์ว่าเมื่อไหร่จะได้ดีสักที อาศัยที่ข้าพเจ้าต้องเข้ากรุงเทพฯ บ่อยๆ และแวะฟังเทศน์จากหลวงพ่อเป็นประจำ เมื่อก่อนทางวัดเปิดรับสมัครผู้ปฏิบัติธรรมทุกวัน ข้าพเจ้าจึงได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อตอนเย็นๆ หลวงพ่อจะสวดมนต์ทำวัตรเย็นทุกวัน เว้นแต่ติดกิจนิมนต์ หรืออาพาธหนัก หรือติดธุระจำเป็นจริงๆ หลวงพ่อเปรียบไว้ว่า “เหมือนได้เกาะชายจีวรของพระตถาคต ถ้าไม่ปฏิบัติก็เหมือนอยู่ไกล หากอยู่ไกลสักแสนลี้ ถ้าปฏิบัติธรรมก็เหมือนอยู่ใกล้พระตถาคต”

แสงธรรมนำความรุ่งเรืองสู่ชีวิต
จากอดีตคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ได้เงินวันละไม่กี่บาท ปัจจุบันข้าพเจ้าค้าขายได้วันละเป็นหมื่นๆ เคยขายได้สูงสุดถึงแปดหมื่นบาทภายในวันเดียว ทั้งๆ ที่อยู่ในสภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี กิจการของข้าพเจ้าก็ไม่ตก

หลวงพ่อเทศน์สอนเป็นประจำว่า เคล็ดลับในการปฏิบัติที่ถูกต้อง คือ

“เราทำบุญไม่ละบาป เราจะได้บุญอย่างไร
ละความชั่วไม่ได้ จะรวยจะดีไม่ได้
ปัจจุบันไม่ดี อนาคตจะดีได้อย่างไร”

นี่คือ หัวใจ จุดแรกที่ข้าพเจ้าได้รับจากหลวงพ่อ

“ทานก็ยังสู้ศีลไม่ได้ ศีลก็ยังสู้ปฏิบัติบูชาไม่ได้
ทานนั้นไปขโมย ไปจี้ ไปปล้นเขามาทำทานก็ได้
ศีล…ถ้าเผลอโกรธเขา ไปด่าเขา ไปฆ่าสัตว์ ก็ผิดศีลแล้ว
ใส่บาตรสัก ๑๐๐ ปี ๑,๐๐๐ ปี จนขันใส่บาตรทะลุ ทัพพีหัก
อานิสงส์ยังไม่เท่ากับ ปฏิบัติบูชาหนึ่งครั้ง”

“หลวงพ่อท่านให้แต่ปัญญา ปลุกคนให้ตื่น เสกคนให้เป็นงาน
ให้ละความชั่ว สร้างความดี ให้เป็นแบบอย่างแก่สังคม อ่อนน้อมถ่อมตน”

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง, หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค, หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง, หลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน ได้เทศน์สอนเหมือนกันว่า “ลูกศิษย์ของท่าน ถ้าใส่บาตรทุกวัน สวดมนต์ทุกวัน ๖ เดือน เป็นเศรษฐีทุกคน”

การยกระดับจิต
หลวงพ่อสอนเรื่อง การยกระดับจิตว่า
“คนที่ไม่ละชั่ว จะดีไม่ได้ เพราะจิตของเขายังต่ำอยู่ ส่วนคนที่ยกระดับจิตสูงแล้วเหมือนคนอยู่ในที่สูง จะสามารถมองในที่ต่ำได้กว้างไกล ตรงกันข้ามกับคนที่อยู่ในที่ต่ำจะมองดูที่สูงได้เพียงแคบ ๆ”

    หลวงพ่อท่านจิตสูงมาก ท่านทราบวาระจิต สามารถทราบหมดว่าใครเป็นอย่างไร โดยไม่ต้องสอบถามหรือกราบเรียนท่าน ท่านสามารถล่วงรู้ แม้กระทั่งว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่

    ข้าพเจ้าโชคดี จะแวะที่วัดเกือบทุกครั้งที่ผ่าน ได้ฟังเทศน์จากหลวงพ่อบ่อยๆ จึงเป็นต่อในการปฏิบัติ ชีวิตข้าพเจ้าช่วงหนึ่ง เลิกดื่มเหล้า เลิกเที่ยวแล้ว ยังคงเล่นหวยอยู่ พอมาถึงวัดหลวงพ่อก็เทศน์เรื่องหวยพอดี เป็นเรื่องที่แปลก เหมือนท่านทราบว่าข้าพเจ้าละได้เกือบหมดแล้ว ยังเหลือแต่เล่นหวย การเล่นหวยได้ง่ายหมดง่าย เช่นเดียวกับการเล่นไพ่ เราอยากได้ของเขา เขาก็อยากได้ของเรา เราดีใจ เขาเสียใจ เขาเล่นได้ เขาดีใจแต่เราเสียใจ เข้าข่ายโลภอยากได้ของเขา ข้าพเจ้าจึงเลิกเล่นหวยตั้งแต่บัดนั้นมา

กฎแห่งกรรม
    สมัยที่ข้าพเจ้าเป็นลูกจ้างขายผ้า หลังเลิกขับรถรับจ้าง ขายได้เท่าไรก็ไม่รวยสักที จนกระทั่งได้มาปฏิบัติธรรมที่วัด จึงได้ทราบว่าเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน ข้าพเจ้าเคยขโมยเงินญาติคนหนึ่งประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ บาท ข้าพเจ้าจึงนำเงินไปคืนจำนวน ๑,๕๐๐ บาท โดยที่เขาไม่ทราบมาก่อนเลย และขออโหสิกรรม ท่านเจ้าของเงินท่านก็อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้า ตั้งแต่นั้นมา ข้าพเจ้าไปขายของที่ไหน ของไม่หายอีกเลย ขายดีมาเรื่อยๆ นี่คือกฎแห่งกรรมมีจริงจากการกระทำของเราเอง ไม่ใช่คนอื่นทำให้ เราทำของเราเอง เราต้องแก้ของเราเอง คนอื่นมาแก้ให้เราไม่ได้ หลวงพ่อเพียงแต่ชี้แนะให้เราเท่านั้น

    เมื่อก่อนข้าพเจ้าขับรถรับจ้างเก็บเงินทีละบาทสองบาท ข้าพเจ้ามาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ๑๐ ครั้งแล้ว ปัจจุบันมีทำเลที่ขายของ ๑๐ กว่าแห่ง ขายดีทุกแห่ง ตลาดนัด หรือกองคาราวานสินค้าราคาถูก ข้าพเจ้าก็ขายดีไม่เป็นสองรองใคร วันไหนถ้าข้าพเจ้าไม่ปฏิบัติยอดขายจะตก ปกติข้าพเจ้าเดิน ๑ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง และเกินเวลาอีกประมาณ ๕ นาที ข้อสำคัญต้องมีศีล ๕ ไม่ด่างพร้อยเป็นการละบาปเพื่อความดี ดังคำสอนของหลวงพ่อ

“ปัจจุบันดี อนาคตดีแน่นอน
คนเราสร้างความดีต้องมีมาร มารไม่มีบารมีไม่เกิด
ทำบุญต้องละบาป สร้างความดีไม่ถึงที่จะดีได้อย่างไร
ยังเป็นไม้สักเนื้ออ่อน ปลวกก็จะกิน กาฝากก็จะมาเกาะ
ถ้าเป็นไม้สักทองแล้ว ปลวกก็ไม่กิน กาฝากก็ไม่เกาะ
แมลงวัน ชอบตอมของเหม็น
น้ำครำ ย่อมไหลไปรวมกับน้ำครำ
ถ้าเราเป็นคนขี้เหล้า ขี้ยา ขี้กัญชา ก็ได้เพื่อนขี้เหล้า ขี้ยา ขี้กัญชา เหมือนกัน”
ปัจจุบันข้าพเจ้าละอบายมุขทั้งหมด มีเพื่อนเป็นพ่อค้า เช่นกัน

เคล็ดลับ
ข้าพเจ้ามีเคล็ดลับอยู่ ๒ อย่างคือ
๑. ล้างชาม
๒. ล้างห้องน้ำ
เมื่อข้าพเจ้ามาปฏิบัติธรรมที่วัด หลังรับประทานอาหาร ข้าพเจ้าจะช่วยผู้ปฏิบัติทั้งหญิงชายล้างชาม ถ้ามีเวลาว่างก็กวาดลานวัดหน้าโบสถ์บ้าง หน้าศาลหลวงพ่อโตบ้าง เพื่อไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน เมื่อปฏิบัติแล้วรู้สึกก้าวหน้าขึ้น

    อีกอย่างหนึ่ง เมื่อข้าพเจ้าอยู่ครบ ๗ วันแล้ว ข้าพเจ้าจะชวนผู้ปฏิบัติทั้งชายหญิง ขัดห้องน้ำห้องส้วม ส้วมนี่สำคัญ เราทนหิวข้าว หิวน้ำได้ แต่ถ้าเราไม่ได้ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ ไม่ได้แน่ ข้าพเจ้าเคยชวนได้ถึง ๑๗ คน ช่วยกันล้างเกือบหมดทั้งวัด ประมาณ ๓๐๐ ห้อง พอกลับไปถึงบ้านกันแล้ว เขาฝันกันว่า คุณแม่พิกุลให้เลขเด็ด เขาถูกหวยกันทุกคน ยกเว้นข้าพเจ้าไม่ได้ซื้อ เพราะเลิกเล่นหวยแล้ว แต่สินค้าของข้าพเจ้า ก็ขายดิบขายดีร่ำรวยเงินทอง จนสามารถซื้อรถปิคอัพได้คันหนึ่ง ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจย่ำแย่อยู่ในปัจจุบันอย่างไม่น่าเชื่อ

กิจวัตรประจำวัน
คุณแม่ใหญ่ท่านแนะนำข้าพเจ้า ถ้าปฏิบัติกรรมฐานได้แล้ว จะมีความกังวล ถ้าวันไหนไม่ได้ปฏิบัติ จะเหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง หรือเหมือนกับไม่ได้รับประทานอาหาร ถึงเวลาต้องนั่งสมาธิ นั่นแหละจึงจะได้ผล ดังนั้นควรปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรประจำวัน

    นี่เป็นประวัติชีวิตของข้าพเจ้า ที่นำมากราบเรียนถวายหลวงพ่อ เพื่อยืนยันเกียรติคุณของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ที่ศรัทธาเคารพสูงสุดของข้าพเจ้า ไม่เสียทีที่เกิดมา ได้โอกาสเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ ทำให้ข้าพเจ้าได้พบแสงสว่างแห่งชีวิต ว่าการปฏิบัติธรรมถูกต้องตามคำสอนของหลวงพ่อทำให้ข้าพเจ้าได้พบแสงสว่างแห่งชีวิต ว่าการปฏิบัติธรรมถูกต้องตามคำสอนของหลวงพ่อแล้วจะสัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.htmlหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›