๒๔/๒๑ อัศจรรย์แห่งพระกรรมฐาน “ตอนระลึกกรรม”

กชพร กันคล้อย

 

    ดิฉันนางกชพร กันคล้อย เกิดวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๐๗ อายุ ๔๕ ปี มีพี่น้อง ๕ คน ปัจจุบันดิฉันได้สมรสและมีบุตร ๒ คน ชาย-หญิง

    ดิฉันเกิดมาได้ ๔ ขวบ คุณแม่ก็เสียชีวิต คุณพ่อไปมีครอบครัวใหม่ ดิฉันได้อยู่กับยายและน้าๆ ดิฉันเกิดมาด้วยการขาดความอบอุ่น ทำให้เป็นคนค่อนข้างอารมณ์ร้อน ก้าวร้าว และเกลียดคุณพ่อมาก ที่ท่านทิ้งดิฉันและทุกคนไปโดยไม่เคยมาดูแล ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ดิฉันสร้างบาปโดยไม่รู้ตัว คือก้าวร้าวต่อบุพการี โดยเจตนาและไม่เจตนา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง มาตลอดตั้งแต่เด็ก จนกระทั้งแต่งงานมีครอบครัว และต่อมาไม่นานคุณพ่อก็เสียชีวิต โดยที่ดิฉันยังไม่เคยขอขมาหรือขออโหสิกรรมต่อท่านเลย

ประสบทุกข์- เริ่มปฏิบัติธรรม
    สิ่งที่ดิฉันได้รับจากการกระทำกรรมไม่ดี ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ดิฉันต้องเสียทรัพย์สินเงินทอง เนื่องจากเชื่อและกระทำในบางสิ่งบางอย่างจากผู้ที่ไม่หวังดีและเหมือนกรรมไม่ดีซ้ำเติม ในปี ๒๕๔๙ เจ้านายของสามีได้เสียชีวิต รายได้พิเศษที่เคยได้ก็ถูกตัดไป ครอบครัวมีภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ลูกชายกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ลูกสาวเรียนอยู่มัธยมต้น เพราะไม่มีรายได้พิเศษมาใช้จ่าย มีหนี้สินเพิ่มขึ้น ตอนนั้นดิฉันมีความทุกข์มาก และไม่รู้ว่าจะหันไปพึ่งผู้ใด จนกระทั่งพบกัลยาณมิตรได้แนะนำให้ดิฉันเข้าไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน

    ดิฉันได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันครั้งแรกเป็นเวลา ๓ วัน คือตั้งแต่วันที่ ๑๕-๑๗ เมษายน ๒๕๔๙ โดยมีอาจารย์ผู้สอนคือ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม และผู้ที่นำปฏิบัติคือแม่ชีพันธ์ทิพย์ ตอนนั้นดิฉันมีความทุกข์มาก สวดมนต์ทุกวันน้ำตาก็ไหลทุกครั้ง ขอให้ท่านช่วยแผ่เมตตาให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น

    วันหนึ่งลูกสาวเจ้านายสามีเรียกเข้าพบ พร้อมสอบถามความเป็นอยู่ของครอบครัว สามีดิฉันจึงขอเงินพิเศษที่เจ้านายเคยให้ต่อเดือนเหมือนเดิม ลูกสาวเจ้านายตอบตกลงให้เงินจำนวนนั้น จนปัจจุบันนี้ดิฉันได้รับความเมตตาช่วยเหลือ และแนะนำต่างๆจากลูกสาวเจ้านายเสมอมา

ระลึกกรรม
    ในปี ๒๕๕๐ ดิฉันได้เข้าปฏิบัติธรรม ๗ วัน เข้าวันโกน ออกวันโกน ปฏิบัติประมาณวันที่ ๕ ได้เห็นกรรมที่เคยก้าวร้าวต่อคุณพ่อ มีภาพให้เห็นด้วยสติว่า คุณพ่อคุณแม่ท่านผลัดกันอุ้มดิฉันด้วยความรัก ความเมตตา และความห่วงใยยิ่งนัก ภาพที่ได้เห็นนั้นตั้งแต่เด็กจนถึงวันที่แต่งงาน ดิฉันไม่มีโอกาสได้บอกท่านว่าดิฉันเสียใจมากสำหรับการกระทำที่ผ่านมา ในการระลึกมีเสียงหนึ่งดังและดุมาก บอกว่า ดิฉันมีชีวิตที่ตกต่ำเพราะได้ล่วงเกินบุพการี ดิฉันร้องไห้และเสียใจในภาพที่เห็นนั้น หลังจากลาศีลแล้วตอนกลับรอกราบลาหลวงพ่อที่กุฏิ ได้พบหลวงพี่หมิง จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านฟัง ท่านแนะนำให้ทำพิธีขอขมาคุณพ่อและอุทิศบุญกุศลทีได้ปฏิบัติกรรมฐาน ๗ วันให้คุณพ่อโดยผ่านพระสงฆ์ ซึ่งท่านได้จัดการให้เป็นอย่างดีในทุกขั้นตอน จึงขอกราบขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วย

    หลังจากวันนั้นดิฉันได้ปฏิบัติธรรมมาตลอดและอธิษฐานจิตเป็นประจำทุกวัน ตอนเช้า ก่อนเข้านอนและเมื่อมีเวลาว่าง จนในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๑ ได้นิมิตเห็นคุณพ่อใส่ชุดขาว ท่านนั่งบนเก้าอี้ใหญ่ ดิฉันได้ก้มกราบท่านด้วยความเคารพ และดีใจมากที่ได้เห็นท่าน ท่านเอื้อมมือมาจับไหล่ของดิฉันทั้งสองข้างให้ลุกขึ้น แล้วบอกว่า “พ่ออโหสิกรรมให้แล้ว” ดิฉันรู้สึกดีใจ และปิติมาก

    ต่อมาวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ขณะที่ดิฉันทอดชะอมไข่ น้ำมันกระเด็นโดนมือเป็นแผลเป็นและในตอนสี่โมงเย็นวันนั้นเอง ดิฉันได้ปฏิบัติกรรมฐานจึงเห็นผลกรรมว่า ได้เคยเอาน้ำมันร้อนๆไปสาดคนที่เสียสติ เพราะกลัวว่าเขาจะมาทำร้ายตัวเอง จึงทำร้ายเขาก่อน โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พอเห็นผลกรรมนี้แล้ว หลังจากการปฏิบัติกรรมฐานจึงขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร

    โดยปกติดิฉันเป็นโรคไมเกรน และมีความดันสูงบ้างเล็กน้อย พยายามคิดว่าได้เคยไปทำอะไรกับใครไว้ถึงต้องเป็นแบบนี้ และก็รู้ด้วยสติอีกครั้งเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฏาคม ๒๕๕๒ ได้เห็นผลกรรมว่า ช่วงตอนเด็ก ด้วยความเป็นเด็กและไม่รู้บาปกรรม ทุกครั้งที่ไปเลี้ยงวัวได้จับแมลงทับมา แล้วเอาแก้วครอบไว้ดูเล่นเป็นประจำ โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะหายใจไม่ออก ทำอยู่อย่างนี้ช่วงเข้าพรรษาทุกปี พอได้เห็นจึงรู้ว่า เวลามีอาการแน่นและอึดอัด รู้สึกเหมือนมีแก้วหรือกระจกมาครอบตัวทุกครั้งที่มีอาการ ทุกวันนี้จึงขออโหสิกรรมทุกครั้งที่ปฏิบัติกรรมฐาน ก่อนแผ่เมตตา จนกว่าโรคจะหายไป

    ปัจจุบันครอบครัวมีความเป็นอยู่อย่างพอเพียงอบอุ่นด้วยความรัก ความห่วงใย หมั่นสวดมนต์ไหว้พระและปฏิบัติธรรม ลูกๆเป็นเด็กดี และลูกชายเรียนจบ มีงานทำมั่นคง จึงอยากบอกว่า ปฏิบัติธรรมกันเถิดแล้วจะเห็นผลกรรมด้วยตนเอง โดยไม่ต้องให้ใครมาดูดวง ไม่ต้องพึ่งหมอดู ใครไม่ต้องมาบอก เรารู้ด้วยสติตัวเราเอง ผลการมไม่ดีต่างๆที่ได้ทำ เราหนีไม่พ้น ต้องชดใช้ แต่อย่างน้อยจะได้ช่วยผ่อนหนักให้เบาลงได้

    การปฏิบัติธรรมเป็นการสร้างบุญที่ไม่ต้องเสียทรัพย์และยังได้บุญมากที่สุด ผลของการสร้างบุญกุศลและทำความดีต่างๆ จะเป็นเกราะแห้วที่ช่วยป้องกัน เป็นน้ำดีที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่น มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตให้ทำแต่ความดี ได้เกิดพบพระพุทธศาสนา พบกัลยาณมิตรที่ดี

    ขออธิษฐานบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวกทุกองค์ จงดลบันดาลให้หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีอายุยืนนาน อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ศิษยานุศิษย์ไปตราบนานเท่านานเทอญ

นางกชพร กันคล้าย
เลขที่ ๑๗/๑๐๐ ซอยรามคำแหง ๑๗๔
ถนนรามคำแหง แขวงมีนบุรี
เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ๑๐๕๐๐
โทรศัพท์ ๑๘๖-๐๐๐-๕๔๐๔

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›