๑๕/๒๙ หลวงพ่อตอบคำถามของ ศาสตราจารย์ ดร. นากาโซเน่

หลวงพ่อตอบคำถาม ของ
ศาสตราจารย์ ดร. นากาโซเน่
จากสหรัฐอเมริกา
วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๔๔ ณ วัดอัมพวัน
ศาสตราจารย์ ดร.จีระโชค วีระสัย ถ่ายทอดคำสัมภาษณ์

 

    หลายปีมาแล้วที่หลวงพ่อท่านเป็นที่สนใจของชาวต่างประเทศ มีการมากราบเรียนถามปัญหาพระเดชพระคุณหลายครั้ง ซึ่งรองศาสตราจารย์ ดร. พินิจ รัตนกุล ได้ถอดเทปคำถาม – คำตอบ เรียบเรียงมาพิมพ์เผยแพร่มาแล้ว ครั้งนี้คณะของศาสตราจารย์ ดร.นากาโซเน่ ผู้ทำงานเกี่ยวกับการสอนศาสนาศึกษา จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มากราบเรียนถามปัญหาพระเดชพระคุณอีก จึงได้เรียบเรียงคำถาม – คำตอบพิมพ์เผยแพร่เช่นที่เคยทำมา

    หลังจากศาสตราจารย์ ดร.นากาโซ่ แนะนำผู้ร่วมคณะแล้ว ได้กราบเรียนถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาว่าควรเป็นอย่างไร
พระเดชพระคุณแสดงความเห็นว่า จะเป็นศาสนาคริสต์ พุทธ ฮินดู คาธอลิค หรืออิสลาม ก็ไม่มีปัญหาอะไร สำหรับพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าสอนเป็นวิทยาศาสตร์หลักพุทธใช้หลักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ ถ้าพิสูจน์ไม่ได้จะเรียกว่าพุทธะ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน และผู้รู้ไม่ได้ การรู้นั้นรู้ภายในและภายนอก ทุกศาสนาจะเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือศาสนาอะไร สามารถเข้ากันได้แน่นอนเหมือนเราคนละรสคนละชาติคนละศาสนา แต่รับประทานอาหารร่วมกันได้ ทำงานร่วมกันได้ ไม่มีอะไรขัดแย้งกันแต่ประการใด เพราะมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการสร้างสรรค์ให้คนเป็นคนดีเหมือนกันจึงเข้ากันได้

    ในเรื่องสันติภาพ หลวงพ่ออธิบายว่า สันติ แปลว่าความหยุด คนที่จะมีสันติได้จะต้องมีสติสัมปชัญญะ คนที่ขาดสติสันติจะไม่มี มีแต่ความวุ่นวาย มีแต่ทะเลาะวิวาทกัน สันติตัวนี้แปลว่าต้องมีสติสัมปชัญญะ สติระลึกได้สัมปชัญญะมีความรู้ตัว

    สำหรับเรื่องการนำชิ้นส่วนมาทำให้มีชีวิตขึ้นมาใหม่ ที่เรียกว่าทำเทียมหรือโคลนนิ่ง มีปัญหาว่าวิญญาณหรือความรู้สึกต่างจะเหมือนตัวจริงดั้งเดิมไหม

    หลวงพ่อตอบอย่างชัดเจน เรียบง่ายว่า จะเหมือนกันไม่ได้ ถึงแม้รูปร่างเหมือน แต่วิญญาณของคนที่จะเข้าไปสิงสถิตเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ววิญญาณจะดีจะชั่วขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำมา เพราะฉะนั้นคนเราจึงนิสัยเหมือนกันไม่ได้

    ในเรื่องการทำสติหรือการตั้งสมาธิมีผลอย่างไรนั้น หลวงพ่ออธิบายว่า สมาธิมีทั้งทางโลกและทางธรรมถ้าขาดสติ ปัญญาจะไม่เกิด เกิดแต่สมาธิอย่างเดียว กฎแห่งกรรมจึงบอกไว้ชัดเจนว่า ทำดีสมาธิจะดันไปทางดี ทำชั่วสมาธิจะดันไปทางชั่ว อำนาจของสมาธิที่มีปัญญาทางโลกขาดปัญญาทางธรรมก็คือขาดสติสัมปชัญญะ สติสัมปชัญญะคือคุณภาพและคุณธรรม ทำให้คนมีปัญญาต่างกัน ปัญญาทางโลกเรียกว่า โลกียปัญญา ปัญญาทางธรรมเรียกว่าโลกุตรปัญญา ซึ่งเรียกว่าปัญญาที่สามารถกำจัดความชั่วได้หมดจากตัวได้ การทำสมาธิ การตั้งสติ จึงมีผลดังกล่าวนี้
ท้ายที่สุดหลวงพ่อท่านแสดงความกังวลเรื่องศาสนาพุทธว่า ยังไม่ชาวพุทธที่รู้ไม่จริง ยังมีพระสงฆ์ที่บวชไม่ได้ผล สึกมาแล้วไม่รู้เรื่องพุทธศาสนา ยังมีชาวพุทธที่รู้เพียงว่าข้าวขัน แกงโถ ไปทำบุญตักบาตร ทอดกฐิน ผ้าป่า เป็นบุญ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น นั่นเป็นการทำบุญแต่ไม่ได้สร้างบุญ ไม่ได้สร้างความสุขให้เกิดในใจเลยไปทำบุญวัดโน้น ทำบุญวันนี้ ทัวร์บุญไป แต่กลับจากทำบุญทัวร์บุญแล้วไม่มีความสุข บุญตัวนี้แปลว่าความสุข ถ้ามีบุญบ้านนั้นจะต้องมีความสุขกันทั้งครอบครัว ไม่มีการทะเลาะวิวาทกันเลย ทั้งพุทธศาสนาสอนให้ช่วยตัวเอง สอนให้พึ่งตัวเอง สอนให้แนะแนวตัวเองให้ดี เดินทางสายกลางโดยเดินตามกฎ โดยไม่ผิดพลาดในการเดิน

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›