๒๓/๒๐ กรรมที่ล่วงเกินบุพการี

สุรภา สุทธิบูรณ์

 

    ปัจจุบันข้าพเจ้าอายุ ๒๗ ปี บ้านอยู่จังหวัดหนองบัวลำภู ข้าพเจ้าสวดมนต์ตอนอายุ ๒๑ ปี ตอนนั้นยังไม่เคยรู้จักวัดอัมพวันและหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม หรือหลวงพ่อใหญ่ในตอนนี้ ที่ข้าพเจ้าสวดมนต์เพราะข้าพเจ้ามีความทุกข์มาก และมีรุ่นพี่คนหนึ่งแนะนำให้ข้าพเจ้าสวดมนต์บทพุทธคุณและพาหุงมหากา ข้าพเจ้าลองสวด ๙ วัน ปรากฏว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าอธิษฐานนั้นสมหวัง แต่ข้าพเจ้าก็ยังมีความทุกข์อยู่มาก

    ตอนเลิกกับสามีคนแรก ข้าพเจ้าอยากตาย แต่คงเป็นเพราะข้าพเจ้ายังไม่เคยหยุดสวดมนต์เลย ทำให้ข้าพเจ้ามีสติและมีกำลังใจ ยิ่งข้าพเจ้าสวดไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่าตัวข้าพเจ้าเจออะไรแปลก ๆ ถึงข้าพเจ้ามีความทุกข์ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ คงเพราะอานิสงส์ของการสวดมนต์ ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งสวดมนต์ทุกเช้า-เย็น อานิสงส์ของการสวดมนต์ทำให้ชีวิตข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จนกระทั่งข้าพเจ้าเจอวิบากกรรมอีกครั้ง เพราะตอนข้าพเจ้าอายุ ๑๕-๑๖ ปี ข้าพเจ้าเกเรมาก ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ เถียง และทะเลาะกับพ่อ พ่อข้าพเจ้าได้ตีข้าพเจ้าและข้าพเจ้ากลัวมากก็เลยผลักท่าน

    อยู่มาวันหนึ่งข้าพเจ้าจะต้องได้เดินทางไปต่างประเทศ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกไม่อยากไปเลย จึงได้สวดมนต์อธิษฐานขอหลวงพ่อจรัญ ทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นตัวจริงท่าน ตั้งแต่อายุ ๒๑-๒๔ ตลอดเวลา ๓-๔ ปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้อธิษฐานว่า ลูกไม่ต้องการไปต่างประเทศ ลูกกลัวชีวิตไม่ดี ไม่รู้จะทำอย่างไร ขอบุญกุศลใด ๆ ที่ได้ทำมาแล้ว และขอผลบุญที่น้องชายจะบวชได้ส่งมาถึงลูกบ้าง ขอบารมีหลวงพ่อโปรดเมตตาช่วยลูกด้วย

    วันนั้นไม่รู้สิ่งใดดลใจให้ลูกนึกถึงหลวงพ่อ ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าหลวงพ่อเลย ตกดึก ประมาณ ๖ ทุ่มเศษ ผันเห็นหลวงพ่อ แล้วเห็นผู้ชายแก่นุ่งชุดขาวผมยาวมาด้วย หลวงพ่อท่านพูดว่า ใครทำใครก็ได้ โยม แล้วท่านก็บอกว่าหลวงพ่อต้องไปแล้ว ข้าพเจ้าสะดุ้งตื่นขึ้นตอนที่มีเสียงระฆังดัง เพราะข้าบ้านเป็นวัน ข้าพเจ้าดูนาฬิกาเป็นเวลาตี ๑ พอดี

    หลังจากนั้นไม่นาน ข้าพเจ้าเดินทางไปหนองบัวลำภู ข้าพเจ้าไปดูดวงกับพระท่านหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่ขอเอ่ยนามท่าน ท่านทักข้าพเจ้าว่า ชะตาขาดนานแล้ว ถ้าไม่สะเดาะเคราะห์จะต้องตาย ถ้าไปเมืองนอกก็ต้องเลิกกับสามี พระรูปนั้นยังบอกข้าพเจ้าว่า บางคนตกรถเฉย ๆ ก็ตาย ให้ข้าพเจ้ามาสะเดาะเคราะห์วันอังคาร แต่ข้าพเจ้ามีความศรัทธาในหลวงพ่อจรัญ และศรัทธาในการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ข้าพเจ้าคิดว่าหากแม้นต้องตาย ข้าพเจ้าขอทำกรรมฐานเหมือนอย่างหลวงพ่อสอน เพราะหลวงพ่อคอหักยังไม่ตาย หากข้าพเจ้าทำกรรมฐานแล้วจะต้องตาย ข้าพเจ้าก็ยอม

    ข้าพเจ้าเข้ารับการฝึกกรรมฐานที่วัดหลวงพ่อ วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ อยู่ปฏิบัติถึงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๙ เป็นเวลา ๗ วัน

    พอกลับมาอยู่บ้านได้ครบ ๗ วัน ข้าพเจ้าฝันไปว่า ครูฝึกที่วัดโทรศัพท์มาบอกให้ข้าพเจ้าไปอีก ๓ วันแล้วจะดี ข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นเรื่องจริง ข้าพเจ้ากลับไปวัดอีก บอกครูฝึกว่าจะมาปฏิบัติธรรม ๓ วัน แต่ครูฝึกบอกว่าต้องครบ ๑ เดือนก่อนถึงจะมาอีกได้ ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจมาก แต่ก็ต้องกลับเพราะเป็นกฎของวัดตั้งไว้ ใจหนึ่งก็กลัวมากและที่บ้านข้าพเจ้าไม่สามารถปฏิบัติกรรมฐานได้เพราะไม่มีเวลาเลย ทำแต่งาน ขนาดกินข้าวยังกินเพียงวันละ ๒ มื้อ เพราะเวลาไม่มี

    หลายวันต่อมา ข้าพเจ้ากำลังจะหลับ มีความรู้สึกว่าแมวหรืออะไรสักอย่างหนึ่งจะเข้ามาในมุ้งของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ากึ่งหลับกึ่งตื่น และมีความรู้สึกว่าตัวข้าพเจ้าสั่นแล้วชัก เหมือนมีอะไรสักอย่างเข้าตัวข้าพเจ้าและเริ่มหายใจไม่ออก ข้าพเจ้านึกถึงหลวงพ่อจรัญ แล้วพูดว่า หลวงพ่อช่วยลูกด้วย ครบหนึ่งเดือนลูกจะไปปฏิบัติธรรมอีกครั้ง ช่วยลูกด้วย เหมือนมีไฟดูดข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องโหยหวนมาก แล้วข้าพเจ้าก็หาย

    หลังจากนั้นอีกหลายวันต่อมา บิดาของข้าพเจ้าได้โทรศัพท์มาบอกว่า ตาพ่อมองไม่เห็นข้างหนึ่ง ทำอย่างไรดี ข้าพเจ้าบอกพ่อให้ไปหาหมอ แล้วข้าพเจ้าจะส่งเงินไปให้ พ่อข้าพเจ้าบอกว่าไปแล้ว หมอบอกว่าเป็นต้อกระจก ต้องผ่าตัด ใช้เงินประมาณ ๑๕,๐๐๐ บาท ข้าพเจ้ารีบบอกพ่อว่า ผ่าตัดด่วนเลย ลูกจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

    วันที่ ๑๙ มิถุนายน ครบกำหนด ๑ เดือน ข้าพเจ้าลืมคำพูดที่ให้ไว้กับหลวงพ่อ ข้าพเจ้าไม่ได้ไปวัด วันที่ ๒๐ มิถุนายน อยู่ ๆ ข้าพเจ้าก็ทะเลาะกับสามี และแม่สามีก็ตำหนิข้าพเจ้า วันนั้นข้าพเจ้าไม่อยากออกจากบ้านไปไหนเลย แต่สามีก็บังคับจะให้ไป ด้วยความโมโหข้าพเจ้าก็เก็บกระเป๋าเสื้อผ้า บอกว่าจะไปเรียนเสริมสวยที่กรุงเทพฯ อยากให้ไปเมืองนอกมากใช่ไหม ไปก็ได้ ข้าพเจ้าก็ให้ญาติของข้าพเจ้าขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งขึ้นรถตู้ แล้วข้าพเจ้าก็ประสบอุบัติเหตุ เป็นวันเวลาเดียวกันกับที่พ่อของข้าพเจ้าผ่าตัดตา ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงตอนที่ข้าพเจ้าใช้แขนสองข้างผลักพ่อ เพราะความกลัวว่าท่านจะตีข้าพเจ้า แล้วยังต่อว่าท่าน ว่าท่านไม่ใช่พ่อด้วยกรรมนั้นทำให้ข้าพเจ้าต้องชดใช้โดยประสบอุบัติเหตุ แต่ต่อมาข้าพเจ้าช่วยพ่อได้ผ่าตัดตาแล้วมองเห็น บุญนั้นคงมาช่วยข้าพเจ้าไม่ให้บาดเจ็บมาก จึงเป็นเฉพาะแขนที่ผลักพ่อ แขนทั้งสองข้างของข้าพเจ้ามีแผลยาวและใหญ่มาก แต่ส่วนอื่นไม่เป็นอะไรเลย ข้าพเจ้าเลยนึกขึ้นได้ว่าเคยพูดกับหลวงพ่อไว้ว่าจะไปปฏิบัติธรรม แต่ข้าพเจ้าลืม

    หลังจากนั้นประมาณ ๒ อาทิตย์ ข้าพเจ้าก็ไปอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัด วันที่รับศีลจากหลวงพ่อ หลวงพ่อพูดคำหนึ่งสะกิดใจข้าพเจ้า ท่านพูดว่า การทำกรรมฐานสามารถช่วยให้แผลที่เป็นอยู่หายเร็วกว่าปกติ ข้าพเจ้างงมาก เพราะตรงกับเรื่องแผลที่แขนของข้าพเจ้าที่ประสบอุบัติเหตุ

    ตอนที่เข้าปฏิบัติกรรมฐาน นั่งสมาธิแล้วเจ็บปวดทำให้ข้าพเจ้านึกถึงหลาย ๆ สิ่งผ่านมาที่ข้าพเจ้าเคยทำไม่ดีไว้ ข้าพเจ้าจึงเขียนเรื่องนี้มา เพื่อแสดงว่าอานิสงส์จากการปฏิบัติธรรมมีจริง ข้าพเจ้ายังแปลกใจอยู่ว่า วันที่ข้าพเจ้าออกจากกรรมฐาน วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ ข้าพเจ้าตกรถวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๙ เป็นวันอังคารเหมือนอย่างที่พระรูปนั้นบอกว่า คนเราตกรถเฉย ๆ ก็ตาย ให้มาแก้วันอังคาร ซึ่งตรงกันกับเวลาผ่าตัดของพ่อคือประมาณ ๘.๐๐ น. เป็นไปได้อย่างไรที่วันเวลาจะตรงกันพอดีเหมือนนัดไว้ล่วงหน้า เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ใจและทำให้ข้าพเจ้าศรัทธาในหลวงพ่อและเชื่อในพระกรรมฐานยิ่งขึ้น ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงบุญคุณบิดา-มารดา และการทำความดีไม่มีสูญเปล่า

    หลังจากนั้นสองปีต่อมา ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้พ่อของข้าพเจ้าได้มาปฏิบัติกรรมฐานที่วัดอัมพวันบ้าง ข้าพเจ้าพยายามชักชวนหลายครั้ง พ่อก็บอกว่าไม่ว่างสักที ข้าพเจ้าไม่รู้จำทำอย่างไร มีคนแนะนำให้ข้าพเจ้าเขียนใส่บาตรดำของหลวงพ่อที่อยู่ในกุฏิ ว่าอยากให้หลวงพ่อแผ่เมตตาช่วย จะได้สำเร็จเร็วขึ้น ข้าพเจ้าก็ทำตามข้าพเจ้าเขียนใส่บาตรดำ แล้วอยู่มาวันหนึ่งข้าพเจ้าก็สมหวัง พ่อยอมไปปฏิบัติกรรมฐานที่วัดอัมพวัน และปลื้มใจมากที่พ่อมาปฏิบัติธรรมครั้งแรกก็ได้ถือพานพุ่มถวายหลวงพ่อเพื่อรับศิลในวันพระนั้นเอง

    ข้าพเจ้ายังมีเรื่องของอานิสงส์จากการสวดมนต์ไหว้พระและปฏิบัติกรรมฐาน อีกหลายเรื่อง ขอให้ท่านปฏิบัติกรรมฐานแล้วได้พบสิ่งดี ๆอย่างที่ข้าพเจ้าพบเถิด

นางสุรภา สุทธิบูรณ์ (อ้อ)
๑๓๗ อ่อนนุช ซอย ๑๐
แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง
กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๕๐
โทรศัพท์ ๐๘๖-๒๐๘-๘๒๐๑

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›