๒๒/๑๘ ทำกัมมัฏฐานแล้วหายปวดเข่า

ทำกัมมัฏฐานแล้วหายปวดเข่า
รัตนา อ่อนรอด

 

    ดิฉันนางรัตนา อ่อนรอด อายุ 53 ปี อยู่กับลูกสาว น.ส.ชฎาพร อ่อนรอด สามีเสียชีวิตไปตั้งแต่ พ.ศ. 2541

    วันหนึ่งในเดือนกันยายน 2550 ตอน 2 ทุ่ม ลูกสาวทำการบ้านอยู่และกินฝรั่งด้วย เปิดกระติกน้ำแข็งจะกินน้ำ พบเส้นขนประมาณหยิบมือหนึ่งในกระติกน้ำแข็ง ที่บ้านดิฉันทำน้ำแข็งจากตู้เย็นกินเอง และก็ใช้น้ำจากเครื่องกรองน้ำ ดิฉันบอกกับลูกสาวว่าสงสัยเป็นหนวดผลฝรั่งที่เรากิน ลูกสาวบอกแม่มาดูซิ เหมือนขนรักแร้ พอดิฉันไปดูก็เป็นเส้นขนจริงๆ เลยเอาไปเททิ้ง

    ล้างกระติกน้ำใส่น้ำใหม่พร้อมน้ำแข็ง แล้วยกกระติกน้ำเอาขึ้นไปกินบนห้องนอน ตอนกินน้ำก็พบเส้นขนอีก 2-3 เส้น ดิฉันเลยเอาไปเททิ้ง แล้วล้างกระติกคว่ำ คืนนั้นไม่ได้กินน้ำ

    ตั้งแต่วันนั้นมาดิฉันก็ปวดหัวเข่าข้างขวามาก ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าปวดแบบคนมีอายุมากทั่วไปปวดกัน เลยใช้สมุนไพรแช่ขาและประคบขาข้างที่ปวดเข่าบ้าง อากาปวดเข่าก็ไม่หาย ยิ่งปวดมาก ปวดเหมือนโดนบิดเข่า ต้องนั่งเหยียดขาข้างขวาตลอดเวลา ดิฉันยังทำงานบ้านปกติ มาตอนต้นเดือนตุลาคมดิฉันตักน้ำรดต้นไม้ มีกระตุกกรุบๆ ที่กระดูกหลังและปวดหลังมาก ลูกสาวพาไปหาหมอตรวจเอกซเรย์ พบว่า กระดูกหลังเคลื่อน ต้องกินยาและใส่เฝือกอ่อนที่หลัง

    อาการดิฉันที่กระดูกหลังเคลื่อน ขาข้างขวางอไม่ได้ ปวดเข่าขวาเหมือนถูกบิด ต้องนั่งเหยียดขาขวาตลอด สุดจะทรมาน คุณหัทยา ยกยิ่ง น้องสาวของดิฉันจะโทรถามอาการของดิฉันเป็นประจำ

    วันที่ 26 ตุลาคม 2550 น้องสาวได้ขับรถพาดิฉันไปวัดอัมพวัน วันนั้นเป็นวันพระ ออกพรรษาพอดี หลวงพ่อจะลงสวดมนต์และให้ศีล 8 ดิฉันก็ไปร่วมสวดมนต์และรับศีล 8 ด้วย ตอนขากลับคุณหัทยาส่งดิฉันถึงบ้าน เพราะอาการดิฉันไม่ดีเลย ปวดเข่า ปวดหลัง คิดว่าถ้าอยู่บ้านคงตายแน่ๆ ดิฉันจึงตัดสินใจว่าถ้าจะตายก็ขอไปตายที่วัดอัมพวัน ให้หลวงพ่อช่วยเผาศพให้ก็แล้วกัน เลยโทรบอกคุณหัทยาว่าวันที่ 27 ตุลาคม จะไปเข้ากรรมฐานที่วัดอัมพวัน คุณหัทยาถามว่าจะไปไหวหรือ เห็นอาการดิฉันไม่ดีเลย ดิฉันบอกว่าไปได้ จะตายก็ขอตายที่วัดอัมพวัน

    ดิฉันเข้ากรรมฐานวันที่ 27 ตุลาคม วันแรกเดินจงกรมได้ครบเวลาที่ห้องกรรมฐานกำหนด แต่ตอนนั่งต้องนั่งเหยียดขา พอท่านเจ้าหน้าที่มาดิฉันเลยขออนุญาตนั่งเหยียดขาข้างขวา ท่านเจ้าหน้าที่ก็อนุญาต นั่งจนหมดเวลา แผ่เมตตาแล้วกลับมานอนพักที่ศาลาสามัคคีธรรม สวดมนต์ก่อนนอน มีความรู้สึกว่าฝันเหมือนจริงมาก มีผู้หญิงสวยมากๆ มาเป่าเข่าข้างขวาที่ดิฉันปวด เป่าแล้วมองหน้าดิฉัน 3 ครั้ง รู้สึกตัวว่าหมาเห่าหอนกันรอบศาลาสามัคคีธรรม แล้วอาการปวดของดิฉันก็ดีขึ้น

    วันที่ 29 ตุลาคม ดิฉันกลับมาบ้านเล่าให้ลูกสาวฟังว่า ดิฉันไปเข้ากรรมฐานพบอะไรมาบ้าง ดิฉันบอกลูกว่าถ้าหายปวดเข่าที่เหมือนถูกบิด ดิฉันจะไปเข้ากรรมฐานที่วัดอัมพวันใหม่ และอาการของดิฉันก็ดีขึ้นจริงๆ

    วันที่ 16 พ.ย. 2550 ดิฉันก็ไปเข้ากรรมฐานที่วัดอัมพวันอีก กลับวันที่ 19 พ.ย. ปฏิบัตได้ดีขึ้น แต่เข่ายังปวดอยู่บ้าง แต่ไม่มีอาการเหมือนถูกบิดแล้ว และตอนนี้อาการปวดกระดูกหลังก็ดีขึ้นด้วย

    ดิฉันเขียนมาเล่าให้ทราบว่าการได้เข้าปฏิบัติที่วัด ดิฉันพบอะไรใหม่ๆ ในชีวิตบ้าง และกราบขอบพระคุณในความเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ

นางรัตนา อ่อนรอด
3 หมู่ 7 แขวงจอมทอง เขตจอมทอง
กรุงเทพมหานคร 10150
โทรศัพท์ 02-875-32023

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›