๒๔/๓๔ ปฏิบัติธรรมใช้หนี้กรรม

ชมพูนุท เณรเถาว์

 

    ข้าพเจ้ามาปฏิบัติธรรมเมื่อปี ๒๕๔๖-๒๕๕๓ เวลา ๘ ปี ที่ปฏิบัติธรรมและดำรงชีวิต เพื่อจะอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข ข้าพเจ้าตั้งใจไปปฏิบัติปีละ ๒ ครั้ง แต่ปี ๒๕๕๒ ไปปฏิบัติ ๓ ครั้ง อยู่บ้านก็สวดมนต์และปฏิบัติธรรมตลอด ช่วงที่อยู่นครสวรรค์ปฏิบัติมาก ทำทั้งเช้าและเย็น เดิน-นั่งเท่าๆกัน ทำได้เท่าไหร่ก็จดไว้ เคยทำมากถึง ๘ ชั่วโมง

    พอปฏิบัติธรรมมากก็ได้ใช้กรรมมาก ช่วงปี ๒๕๕๑ เคยเป็นลมล้มทั้งยืน ตอนทำสมาธิเป็นบ่อยมาก วันนั้นเป็นช่วงหน้าฝน ตอนเช้าลงไปใส่บาตรแล้วฝนตกก็ขึ้นไปปฏิบัติบนห้องนอน ที่ห้องนอนมีโต๊ะพระพุทธรูปอยู่ด้วย ตั้งเวลาเดิน ๑ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง เดินจงกรมไปเรื่อยๆ ใกล้หมดเวลาเดิน ยืนสมาธิอยู่ ได้ยินเสียงฝนตก อยู่ๆ ฝนก็เงียบเสียง แล้วข้าพเจ้าก็ล้มลงไปตรงโต๊ะพระพุทธรูป หน้าทิ่มพื้น ตัวงอ หน้า ตา ปาก เจ็บไปหมด พอล้มลงแล้วก็รู้ตัวมีสติ แล้วค่อยๆ เหยียดขาออกแล้วกำหนดรู้หนอๆ พอสติดีก็รีบเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า เพราะมีเลือดเต็มปาก พอกลับมา หมดเวลาเดินพอดี นั่งต่อจนหมดเวลา ตอนนั่งสมาธิมีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก สงสารเจ้ากรรมนายเวรของเราที่เราทำให้เขาต้องทรมานอย่างนี้ รู้สึกสำนึกผิดที่เราทำชั่ว จึงตั้งใจจะไม่ทำชั่วอีกต่อไป

    ข้าพเจ้ามีความทุกข์เวทนามาก เพราะเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เดี๋ยวเป็นโรคปอด พอรักษาโรค ปอดหาย ก็เป็นโรคตับ เป็นหลายแบบพอ ปี ๒๕๕๒ เดือนมิถุนายนก็ต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาโรคตับอักเสบ อยู่โรงพยาบาล ๕ วัน หมอบอกต้องกินยาต้านไวรัส เพราะข้าพเจ้าเป็นมา ๑๐ ปี ไม่เคยกินยา ใช้พระกรรมฐานรักษาสังขาร เวลาเป็นอะไรก็กำหนดดูเวทนา หายบ้างไม่หายบ้าง ตอนนี้ไม่สนใจสังขารแล้ว มันจะเสื่อมก็เสื่อมไป แต่ฝึกจิตให้มีสติรู้ตัวตลอด ตายก็ดี อยู่ก็ดี ขอปฏิบัติธรรมไปจนกว่าชีวิตจะสิ้นสุด

    ข้าพเจ้าเคยทำกรรมที่ต้องใช้หนี้กรรมอย่างหนัก เวลาเป็นอะไรจึงไม่โกรธหรือโทษใคร ข้าพเจ้าตั้งใจจะปฏิบัติธรรมจริงจัง เชื่อในพระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์ พอปฏิบัติธรรมแผ่เมตตาแล้วเวทนานั้นหายไป แต่ก็มีอย่างอื่นมาแทน ก็ปฏิบัติธรรมแผ่เมตตาไปเรื่อยๆ ก็เริ่มดีขึ้น

    ปลายปี ๕๒ ข้าพเจ้าปลูกบ้านเรียบร้อยก็เปิดร้านเสริมสวย ก็ป่วยบ่อย เจ็บหัวมากจนนอนไม่ได้ ก็เลยตื่นตอนไหนก็ดูเวลา แล้วปฏิบัติธรรม มากบ้าง น้อยบ้าง บางครั้งก็ทำเวลากลางวันตอนไม่มีลูกค้า ข้าพเจ้ามีลูกค้าพอสมควร บางคนรู้ว่าเราเป็นโรคประจำตัวก็ไม่รังเกียจ ข้าพเจ้าปฏิบัติธรรมและแผ่เมตตาให้ทุกคนมีความสุข มีบางคนที่พูดไม่ดีและรังเกียจ แต่มีน้อย ถ้ายังมีชีวิตอยู่ข้าพเจ้าก็จะปฏิบัติธรรมต่อไป ตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณทุกรูปทุกนาม และตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

    การปฏิบัติตามหลวงพ่อสอนได้ผลจริง ข้าพเจ้าพยายามทำจริง ทำเพื่อลดละความโลภ โกรธ หลง ให้น้อยลงหรือหมดไป

    ในช่วง ๘ ปีที่ปฏิบัติมา ข้าพเจ้านิมิตเห็นหลวงพ่อครั้งแรก หลวงพ่อพรมน้ำมนต์ให้กับพี่น้องที่อยู่บนสวรรค์

    ครั้งที่สอง นิมิตว่า ได้ขึ้นรถคันเดียวกับหลวงพ่อ เป็นรถเมล์ หลวงพ่อนั่งข้างหน้าใกล้กับคนขับรถ แต่บริเวณที่หลวงพ่อนั่งกว้างมาก เราก็เข้าไปกราบ และได้สนทนา ในนิมิตหลวงพ่อมีใบหน้ายิ้มตลอดเวลา เวลาพูดคุยมีแววตาที่เมตตาข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก

    ครั้งที่สาม นิมิตเห็นหลวงพ่อมอบพระพุทธรูปองค์เล็กให้ข้าพเจ้ากับลูกชาย

    ครั้งที่สี่ มาอยู่ที่เพชรบูรณ์ เป็นช่วงที่ข้าพเจ้าป่วยอย่างมาก เป็นไมเกรน ปวดหัวและอาเจียนตลอด ทานอะไรไม่ได้ เป็นอยู่เกือบครึ่งเดือน ในนิมิตเห็นหลวงพ่อมาบนหัวนอน เป็นหิ้งพระ หลวงพ่อมีแสงสว่างมาก มีใบหน้ายิ้มแย้มและแววตาที่เมตตา ในนิมิตหลวงพ่อบอกว่า หลวงพ่อกำหนดตลอด หลวงพ่อ ไม่ง่วงนอนเลย พูดไปยิ้มไป พอตอนเช้าตื่นก็รู้ว่าหลวงพ่อมาเตือนสติ เพราะตอนปวดตอนเจ็บ ก็กำหนดบ้างไม่กำหนดบ้าง รู้ว่าหลวงพ่อมีความเมตตาต่อลูกเป็นอย่างมาก

    ข้าพเจ้าจึงต้องตั้งใจปฏิบัติ เพราะเวลาหลวงพ่อแผ่เมตตาก็จะมาถึงเราได้ ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล เช่นตัวข้าพเจ้าที่ปฏิบัติธรรมทำให้หลวงพ่อแผ่เมตตามาถึง เป็นพระคุณหาที่เปรียบมิได้

    ตอนที่ปฏิบัติธรรมใหม่ๆ ก็มีท้อใจบ้าง เหนื่อยใจบ้าง เพราะยังมีมายามาหลอนจิต แต่จะให้กำลังใจตัวเองว่า เราเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญนะ หลวงพ่อเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีความอดทนอย่างยิ่งยวด เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ที่มีความอดทนต่อสู้กับกิเลสทั้งหลาย เราต้องตามรอยเท้าของหลวงพ่อ ทำความดี ละทำชั่ว ชำระจิตใจให้แจ่มใส

    ก็จะคิดบ่อยๆ ว่า เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญต้องอดทนนะ หลวงพ่อลำบากกว่าเราเป็นร้อยเท่าพันเท่าที่ต้องสร้างคน ลูกขอปฏิบัติถวายต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูอุปัชฌาย์อาจารย์

    อานิสงส์ของการสวดมนต์พาหุงมหากาและปฏิบัติธรรม ทำให้พ่อแม่ของข้าพเจ้าเป็นโรคที่ปวดขาเดินไม่ได้ กลับเดินได้เป็นปกติ แม่ชอบสวดมนต์และทำกรรมฐานและแผ่เมตตา แม่เป็นผู้ประเสริฐ มีพรหมวิหาร ๔ มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาเป็นแม่ที่ดีมาก แม่ไม่รู้หนังสือ แต่สวดมนต์พาหุงมหากาได้ ข้าพเจ้ากับลูกชายช่วยสอนให้แม่สวดมนต์ และทำพระกรรมฐาน

    ตอนนี้ชีวิตของแม่ก็มีความสุขดี เพราะหมดเวรกรรมกับพ่อ โดยแยกกันอยู่ แม่อยู่กับข้าพเจ้า อยู่กับลูกชาย ส่วนพ่ออยู่คนเดียว พ่อชอบดูทีวี ไม่ชอบสวดมนต์ พ่อดูแก่มาก เหมือนจะทำอะไรไม่ไหว แต่ก็ทำไหว คงเป็นเพราะบุญคงช่วยให้พ่อดูแลตัวเองได้ ข้าพเจ้าเป็นคนพาพ่อไปหาหมอ พ่อกับแม่ยังไปมาหาสู่กัน เพราะอยู่ไม่ไกลกันเท่าไร

    อานิสงส์ของการสวดมนต์และปฏิบัติธรรมของข้าพเจ้า ทำให้ลูกชายเป็นเด็กดี มีความกตัญญู เป็นเด็กมีปัญญา มีคุณธรรม ในปี ๒๕๕๑ ปิดเทอมช่วงมีนาคม-พฤษภาคม ขอให้ลูกบวชเณรเป็นสามเณรใจเพชร ถามเขาว่าบวชได้หรือเปล่า เขาตอบว่าได้ บอกเขาว่าต้องไปปฏิบัติที่วัดอัมพวันเป็นเดือน ลูกจะอดทนได้หรือเปล่า เขาบอกคนอื่นทำได้ เขาก็ต้องทำได้ ข้าพเจ้าไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันมา ๘ ปี แต่เพิ่งพาลูกไปปฏิบัติเมื่อปี ๒๕๕๑ เพราะเขายังเด็ก ไม่พร้อมที่จะมาปฏิบัติ

    พอลูกอายุ ๑๔ ก็เลยพามา ครั้งแรกที่วัดเขาก็ปฏิบัติธรรมได้ตามที่แม่ครูสอน ต้องการให้เขาได้สัจจะตอนไปบวชเป็นสามเณร ต้องไปอยู่ที่ยุวพุทธฯ ๗ วัน ก่อนบวช เพราะต้องให้ผ่านกฎระเบียบทางยุวพุทธฯ เขาบอกอยากบวชให้แม่ ให้ยาย ให้พ่อ วันที่ลูกชายได้บรรพชาและได้ปฏิบัติธรรมในโครงการสามเณรใจเพชร ได้ถวายผ้าไตร ข้าพเจ้าปลื้มปิติเป็นอย่างมาก ตอนที่ลูกชายขอขมา ขออโหสิกรรม ขออนุโมทนา ข้าพเจ้าและแม่ร้องไห้กันใหญ่ บรรยายความรู้สึกไม่ถูก ลูกชายได้ยกเท้าทั้งสองข้างของข้าพเจ้าขึ้นวางบนศรีษะ ทางยุวพุทธฯ ถ่ายวีดีโอไว้ให้ดูทุกคน เป็นวันที่ข้าพเจ้ามีความสุขมาก ได้ร่วมงานบวชสามเณร ๑๓๔ รูป ขออนุโมทนาบุญด้วยทุกรูป และขอขอบคุณทางยุวพทธฯที่ให้ไปช่วยเป็นวิทยากร ๒ วัน ที่ยุวพุทธฯด้วย

    ลูกชายได้รับการยกย่องว่าเป็นสามเณรใจเพชรระดับดีเยี่ยม และช่วงเปิดเทอมตอนเรียน ม.๔ อาจารย์ที่โรงเรียนนวมินทร์ นครสวรรค์ พาไปสอบโครงการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนาธรรม เอ วาย ซี ประะเทศไทย ก็สอบได้อันดับ ๑ ได้ไปถึงสองประเทศ คือสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ข้าพเจ้ายังไม่ได้ให้ลูกชายไปเรียน เพราะถ้าไปต้องไป ๒ ปี เรียนม. ๔ เห็นเขายังเด็กอยู่ เป็นเพราะน้องชายกับน้องสะใภ้เป็นคนรับภาระเรื่องการเรียน ก็ให้ไป เขาทั้งสองบอกจะส่งหลานเรียนจนจบปริญญาตรี ลูกชายบอกว่าถ้าจบแล้วเขาจะเดินทางไปต่อโทที่เมืองนอก เป็นความคิดของเด็กชายอายุ ๑๕ ปี ข้าพเจ้ายกลูกชายให้น้องชายและน้องสะใภ้รับภาระส่งเรียน เขาทั้งสองเป็นคนดีมาก มีความกตัญญู ทำมาค้าขายร่ำรวย มีฐานะดี

    ข้าพเจ้าขอน้อมถวายกุศลในการปฏิบัติธรรม แก่พระพุทธองค์ พรหมทั้งหลาย เทพบุตร เทพธิดา พญายมราช เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า พระแม่กวนอิม พระแม่ธรณี มารดาบิดา ญาติทั้งหลาย เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย

    ขอถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทุกพระองค์ ขอกราบอาราธนาพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดดลบันดาลให้พระเดชพระคุณพระธรรมสิงหบุราจารย์มีความสุข อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกศิษย์

ชมพูนุช เจริญกิจวาโย
๘๑ หมู่ ๑ ตำบลซับน้อย
อำเภอวิเชียรบุรี
จังหวัดเพชรบูรณ์ ๖๗๑๘๐
โทรศัพท์ ๐๘๖-๙๓๘-๓๔๔๙

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›