๒๔/๒ ของดีที่วัดอัมพวัน

พระจิรวัตร สุจิตโต

 

    อาตมาเกิดที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ปัจจุบันอายุ ๓๑ ปี ได้อุปสมบทที่วัดอัมพวัน เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๗ เนื่องจากโยมแม่ป่วยเป็นเนื้องอกในมดลูก อาจารย์ท่านหนึ่งเคยสอนอาตมาตอนเป็นนักเรียนแนะนำว่า ถ้าอยากช่วยโยมแม่ให้หายป่วยก็ให้ไปบวชที่วัดอัมพวัน อาจารย์ท่านนี้ได้นำหนังสือมาให้ ครอบครัวอาตมาจึงได้สวดมนต์มาตลอดประมาณ ๒ ปี อาตมาไม่เคยรู้จักวัดอัมพวัน และไม่เคยคิดจะบวชเป็นพระเลย ด้วยความรักและเป็นห่วงโยมแม่จึงตัดสินใจบวช

    เมื่อได้บวชเป็นพระแล้วจึงได้รู้ว่าวัดนี้มีอะไรที่น่าศึกษาอีกมาก ตั้งแต่วันแรกก็รู้สึกถึงความเป็นพระจริงๆ ซึ่งแตกต่างจากบางวัดที่อาตมาเคยพบเห็นมา

    ที่วัดนี้มีการสอนให้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ทำกิจของสงฆ์ ตั้งแต่การทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ซึ่งไม่เคยทำมาก่อนเลย หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ทำให้เข้าใจความเป็นพระมากขึ้น หลวงพ่อท่านอบรมสั่งสอนให้พระนวกะมีความเป็นระเบียบ รู้จักกตัญญู มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ต้องมีแต่ความเมตตา สามัคคี มีวินัย มีสัจจะ มุ่งคิดทำความดี มีปัญญา อาตมาจึงทราบว่าคิดถูกแล้วที่มาบวชที่วัดนี้ รู้สึกภาคภูมิใจ วันใดที่สึกออกไปก็จะเล่าให้ญาติโยมฟังว่ามาบวชวัดนี้ดีอย่างไร ความตั้งใจในครั้งแรกคิดจะบวชเพียง ๑ พรรษา แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ปัจจุบันจึงอยู่เป็นพรรษาที่ ๖ แล้ว

    พรรษาแรก อาตมาได้ปฏิบัติกรรมฐาน ทำกิจของสงฆ์ตามตารางที่ทางวัดจัดไว้ อาตมาปฏิบัติตามระเบียบมาโดยตลอด อาตมารู้ว่าการทำกรรมฐานจะได้บุญมาก แต่ก็ยังไม่เข้าใจละเอียดลึกซึ้ง รู้แต่เพียงว่าเราต้องทำเพื่อโยมแม่ เวลาทำกรรมฐานทุกครั้งจะนึกถึงแต่โยมแม่ และก็ร้องไห้มาตลอด

    ตอนที่โยมแม่เข้ารับการผ่าตัด อาตมากลัวว่าท่านจะเสียชีวิต และกลัวว่าเมื่อผ่าตัดแล้วอาจจะพบมะเร็งตามมาอีก อาตมาจึงตั้งจิตอธิษฐานถึงหลวงพ่อว่า หลังจากผ่าตัดแล้วให้โยมแม่มีชีวิตอยู่ต่อไป และอย่าได้มีมะเร็งตามมา ขอให้มีอาการดีขึ้นเหมือนคนปกติภายใน ๑ เดือน

    ตอนที่โยมแม่ผ่าตัดและฟื้นขึ้นมา อาตมาได้เฝ้าดูแลท่านอยู่ตลอดเวลา ลืมตาขึ้นมาโยมแม่ก็ร้องว่า “โอ๊ยปวดแผลจังเลยลูก” เห็นโยมแม่ร้องปวด อาตมารู้สึกเหมือนปวดแทนท่านเป็นร้อยเท่า ปวดจนถึงกระดูกสันหลังเลย อาตมาถึงกับร้องไห้ออกมา ตอนนั้นเองอาตมารู้ถึงความกตัญญู ความเข้าใจคนอื่น ความสงสารคนอื่น ความเห็นอกเห็นใจกัน

    หลังจากนั้น ๑ เดือน โยมแม่ก็มีอาการดีขึ้น ผิวพรรณผ่องใส เหมือนคนไม่ได้เป็นอะไร อาตมาจึงได้รีบไปบวชตามที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ พรรษาแรกของการปฏิบัติกรรมฐาน อาตมาตั้งใจปฏิบัติจนมีจิตใจอ่อนโยนขึ้น และที่เห็นผลชัดเจนคือ โยมแม่หายจากอาการป่วยและแข็งแรงขึ้น

    พรรษาที่ ๒ ถึงพรรษาที่ ๕ อาตมาไม่ค่อยได้ปฏิบัติกรรมฐานเท่าที่ควร ทำแบบจิ้มๆจ้ำๆ เหมือนที่หลวงพ่อท่านเทศน์อยู่เสมอว่า พวกใกล้เกลือกินด่าง

    พอไม่ค่อยปฏิบัติก็มีปัญหาตามมา อาตมาจะแค่สวดมนต์และทำวัตรตามกิจของสงฆ์ และช่วยงานอย่างอื่นภายในวัดแทน จะพูดจากับใครก็มักจะมีปัญหาตลอด บางครั้งยังไม่ทันได้พูดกับใครเรื่องอะไรปัญหาก็เกิดขึ้นแล้ว อารมณ์ร้อน และรู้สึกหงุดหงิดง่าย จนบางครั้งอยากจะสึก แต่พอเห็นหลวงพ่อก็ทำให้อาตมาไม่อยากจะสึก และอยากจะปฏิบัติกรรมฐานถวายหลวงพ่อ เนื่องจากหลวงพ่อท่านมีเมตตาสูง แต่อาตมาก็มีความขี้เกียจอยู่ดี

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีปัญหาที่ทำให้อาตมาอยากจะสึกมากๆ คืนหนึ่งที่จิตสงบอาตมาฝันเห็นหลวงพ่อท่านสอบถามอาตมาว่า ทำไม เล่าให้ฟังหน่อยซิว่าเป็นอะไร ในความฝันนั้นอาตมามีความรู้สึกว่าท่านมีเมตตากับอาตมามาก เหมือนท่านมีความห่วงใยกับปัญหาที่แก้ไม่ตก พอหลวงพ่อท่านถามเสร็จ อาตมาก็เล่าความในใจให้ท่านฟังจนหมดทุกอย่าง แล้วหลวงพ่อท่านก็ยิ้มให้อาตมา แล้วท่านก็เดินเข้าไปในกุฏิ เมื่ออาตมาตื่นขึ้นรู้สึกปลาบปลื้มกับความฝันนั้นจนร้องไห้ และก็ได้ตั้งสติว่า หลวงพ่อท่านไม่ได้ทอดทิ้งเราและพระในวัดทุกองค์ ท่านรู้เห็นตลอด อาตมาจึงนิ่งสงบจิตนึกถึงที่หลวงพ่อเทศน์เอ่ยชมคนประจวบฯ ว่า ปฏิบัติกรรมฐานแล้วได้ผลและแก้ไขปัญหาชีวิตได้

    อาตมาได้เคยคุยกับโยมซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อคนหนึ่งที่เป็นคนประจวบฯ ว่าการปฏิบัติอย่างไรจึงจะได้ผล โยมได้แนะนำให้อาตมาลองปฏิบัติ เดิน ๓ ชั่วโมง นั่ง ๓ ชั่วโมง และหลังจากนั้นก็ให้ปฏิบัติทุกวันไม่ให้ขาด อย่างต่ำเดิน ๑ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง ถ้ามีเวลาให้ทำมากๆ และทำให้สม่ำเสมอตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอน

    หลังจากนั้นอาตมาก็ได้เพียรพยายามปฏิบัติเพิ่มเป็นเดิน ๔ ชั่วโมง นั่ง ๔ ชั่วโมง จนถึงเดิน ๕ ชั่วโมง นั่ง ๕ ชั่วโมง และหมั่นเพียรปฏิบัติธรรม เก็บอารมณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อถวายแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ทำให้อาตมาพัฒนาจิตใจตนเองได้ดีขึ้น จากที่เป็นคนอารมณ์ร้อน โกรธง่าย ก็ทำให้เย็นลงได้บ้าง รู้เท่าทันอารมณ์ รู้จักอดทนอดกลั้น รู้จักให้อภัย รู้จักตัวเองมากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ก็ต้องดับไป ไม่มีอะไรแน่นอน ดังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเทศน์ย้ำเตือนอยู่ยบ่อยๆ

    เมื่ออาตมาเพียรปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถแก้ปัญหาชีวิตได้ดี จะทำอะไรก็มีคนช่วยเหลือเกื้อหนุนมาตลอด สิ่งร้ายๆก็กลายเป็นดี นี่แหละพระกรรมฐานได้ให้สิ่งดีๆสำหรับอาตมา ทำให้อาตมาไม่ค่อยทุกข์ใจเหมือนเมื่อก่อน

    อาตมาจึงอยากจะขอฝากเพื่อนพระนวกะและญาติโยมผู้ปฏิบัติทั้งหลายว่า อย่าได้มีความท้อแท้และสิ้นหวังในชีวิต ขอให้อดทนและตั้งใจปฏิบัติให้ต่อเนื่องตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้อบรมสั่งสอน แล้วท่านจะได้พบของดีและของจริง ทุกอย่างจะรู้เห็นได้ท่านต้องปฏิบัติเอง ตัวอาตมาเองก็จะตั้งใจเพียรพยายามทำให้ได้ทุกวัน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอกับความทุกข์เหมือนเมื่อก่อน และเตรียมรับปัญหาต่างๆที่จะเข้ามาได้อย่างผู้รู้ ผู้มีสติ ผู้มีปัญญา

    ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลคุ้มครองปกป้องหลวงพ่อให้มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกศิษย์และพระนวกะตลอดไป

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›