๑๙/๔๕ ผลกรรมที่ได้กระทำไว้

สมจิตต์ แซ่ชิ้น

    ดิฉัน นางสมจิตต์ แซ่ชิ้น ปัจจุบันอายุ ๔๗ ปี เป็นคนกรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๗ ได้มีโอกาสเข้ามาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน แต่ก่อนตัวดิฉันเองเป็นคนใจร้อน พูดจากระด้าง เคยมีคนพูดว่าดิฉันเป็นคนพูดจามะนาวไม่มีน้ำ อบายมุขทุกอย่างดิฉันเป็นหมด

    หลังจากที่ได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ทำให้ชีวิตของดิฉันเปลี่ยนไป ที่เห็นได้อันดับแรกคือ ดิฉันมีความอดทนขึ้น การพูดจาก็ดีกว่าเดิม อบายมุขทุกอย่างดิฉันเลิก

    กรรมฐานทำให้ดิฉันรู้กฎแห่งกรรมจากการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะในด้านบวกหรือด้านลบ

    ดิฉันเคยคิดว่าเกิดมาทำไมหนอ มีแต่ความทุกข์ ความยุ่งยาก วุ่นวายในโลกมนุษย์ คำตอบที่ดิฉันได้รับจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็คือ เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมเก่า อย่าสร้างกรรมใหม่ ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ยากเจ็ดที มีเจ็ดหน เป็นคำตอบที่ทำให้ดิฉันน้ำตาร่วงหล่นทันที ดิฉันได้แต่ก้มหน้าร้องไห้ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองใคร นั่งเช็ดน้ำตาด้วยผ้าสไบ

    มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้จากการปฏิบัติธรรม อย่างเช่น มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่ดิฉันเดินจงกรมอยู่เกิดเวทนาปวดที่ไหล่ทั้ง ๒ ข้างมาก เหงื่อตกไหลเป็นทางจนเสื้อเปียก ทั้ง ๆ ที่พัดลมก็เปิดพัดอยู่บนศีรษะ ดิฉันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าช่วงเทศกาลตรุษจีน คุณแม่สามีและตัวดิฉันจะไปซื้อไก่แถวฝั่งธน ซึ่งจะต้องข้ามเรือไปซื้อเพื่อที่จะมาไหว้เจ้า ซื้อเสร็จตัวดิฉันเองเป็นคนหิ้วปีกไก่ตัวนั้นข้ามเรือ และจะต้องเดินอีกเป็นระยะทางเกือบ ๒-๓ ป้ายรถเมล์ กว่าจะถึงบ้านผลปรากฏว่าไก่ตัวที่ดิฉันหิ้วปีกมานั้น พอจ้างเขาฆ่าและต้มเสร็จเพื่อที่จะนำมาไหว้เจ้า ปีกไก่ทั้งสองข้างเขียวช้ำไปหมด

    ทำให้ดิฉันคิดขึ้นมาได้ว่า การที่ดิฉันหิ้วปีกมันทั้งสองข้างแบบนั้น มันคงเจ็บปวดเหมือนอย่างที่ดิฉันเจ็บปวดอยู่ขณะนี้ หมดชั่วโมงปฏิบัติดิฉันได้ขออโหสิกรรมและแผ่เมตตาให้กับไก่ตัวนั้น

    เมื่อกลางปี พ.ศ.๒๕๓๘ ดิฉันได้มีโอกาสขออโหสิกรรมกับพี่ชายคนที่สองของสามี ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงที่กรุงเทพฯ ด้วยโรคหัวใจวาย

    ก่อนหน้านี้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ ครอบครัวของดิฉันได้ไปเปิดกิจการค้าขายที่อำเภอเด่นชัย จ.แพร่ โดยการชักชวนของพี่ชายคนที่สองของสามี ถ้าจะเรียกตามธรรมเนียมของคนจีนก็ต้องเรียกว่าหยี่แปะ

    หยี่แปะเป็นคนใจบุญ โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือคนเสมอ โดยเฉพาะสามีของดิฉัน จะคอยชี้แนะทุกอย่าง ดิฉันจะเล่าให้หยี่แปะฟังเสมอ เรื่องที่ดิฉันมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ดิฉันจะเล่าถึงความเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้หยี่แปะฟัง

    ดิฉันไม่เคยลืมเหตุการณ์วันนั้น ก่อนเข้าพรรษาเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๘ ดิฉันตั้งใจจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อที่จะไปวัดอัมพวัน เข้าปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ก่อนเดินทางดิฉันได้ไปหาหยี่แปะที่ตลาด เพราะหยี่แปะขายของชำอยู่ที่ตลาด ดิฉันไปที่ร้านเห็นหยี่แปะนอนเล่นพักผ่อนอยู่ ดิฉันเดินเข้าไปเรียก หยี่แปะก็ลุกขึ้นมานั่ง ดิฉันได้บอกหยี่แปะว่าจะมาลา หยี่แปะก็ถามว่าจะไปไหน ดิฉันบอกว่าจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ดิฉันพนมมือแล้วพูดกับหยี่แปะว่า หากดิฉันได้เคยล่วงเกินหยี่แปะ ด้วยการกระทำก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลังเจตนาก็ตาม ไม่เจตนาก็ตาม ก็ขอให้หยี่แปะอย่าถือโทษและอโหสิกรรมให้กับดิฉันด้วย

    หลังจากนั้นดิฉันก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปหาคุณพ่อคุณแม่ของดิฉัน ดิฉันได้นำพวงมาลัยไปกราบท่านทั้งสองก่อนจะเดินทางไปปฏิบัติธรรม ดิฉันนึกไม่ถึงเลยว่าการที่ดิฉันไปขออโหสิกรรมกับหยี่แปะ เป็นการที่ได้เห็นหน้าหยี่แปะเป็นครั้งสุดท้าย

    ช่วงที่ดิฉันออกจากกรรมฐานเดินทางกลับเด่นชัย เป็นจังหวะที่หยี่แปะลงกรุงเทพฯ เพื่อที่จะไปหาหมอ แต่การไปหาหมอครั้งนี้หยี่แปะได้จบชีวิตลงที่กรุงเทพฯ

    ที่ดิฉันเล่ามาทั้งหมดนี้ก็เพราะว่าดิฉันไปปฏิบัติธรรมอยู่หลายครั้ง ไม่เคยนึกหรือคิดที่จะไปขออโหสิกรรมกับหยี่แปะเลย แต่มาครั้งนี้ทำไมดิฉันอยากจะไปขออโหสิกรรมกับหยี่แปะ ทำให้ดิฉันเข้าใจได้ถึง “สติ” ตัวเดียวเท่านั้นที่ชี้แนะให้กระทำเช่นนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันได้จากการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน

    มีอยู่บ่อยครั้งที่ดิฉันกลับถึงบ้านปฏิบัติไม่ต่อเนื่อง ทำบ้างไม่ทำบ้าง พอไปถึงวัดอัมพวัน กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ดิฉันจะโดนดุทันทีว่า ทำอะไรให้จริงจังหน่อยได้ไหม ชอบเอากรรมฐานไปทิ้ง ดิฉันได้แต่ก้มหน้ารับฟัง และยอมรับผิด รู้สึกละอายใจตัวเองเป็นที่สุด

    ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ดิฉันได้จากการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เป็นความโชคดีของดิฉันที่ได้รู้จักกับลุงวิทยา (ไม่ทราบนามสกุล) เป็นลูกค้ามาซื้อของที่ร้านดิฉันได้นำหนังสือกฎแห่งกรรมเล่มที่ ๗ มาให้ดิฉันยืมอ่าน จนได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน พระเดชพระคุณหลวงพ่อมีความเมตตากับดิฉันอย่างล้นเหลือหาที่เปรียบมิได้ หากดิฉันไม่ได้มาพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ชีวิตของดิฉันคงไม่ได้อยู่ถึงทุกวันนี้

    ลูกขอน้อมจิตกราบแทบเท้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าค่ะ คำสั่งสอนคำชี้แนะของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ลูกจะจำใส่ใจและจะพยายามตั้งใจปฏิบัติ

    ลูกขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อ มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง ปราศจากโรคาพยาธิ อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกทุก ๆ คนตลอดไป

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›