๑๔/๒๗ คติธรรมพระกรรมฐาน

พระราชสุทธิญาณมงคล
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๒

 

    เจริญพรผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายพระภิกษุสงฆ์และญาติโยมผู้เป็นอุบาสกอุบาสิกาทุกท่าน ด้วยการปรารภของ พ.ท.วิง รอดเฉย พร้อมด้วยคณะวิทยากร ท้าว ความตั้งแต่เดือนมกราคม มาตามลำดับ ได้จัดให้มีพิธีสวดธรรมจักรถวายเป็นพระราชกุศลบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ในวันที่ ๕ ของทุกเดือน ได้จตุปัจจัยรวมไว้ร่วมกับของอาตมาที่ได้รับถวายส่วนตัวในวันนั้นนำทูลเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา เราทำบุญกันมามากแล้ว แต่ธรรมะยังไม่ปฏิบัติให้ซึ้งใจ เพียงแต่ทำบุญถวายสังฆทาน ใครๆ ก็ถวายได้แต่ถ้าเราสร้างความดีให้เรามีทองคำอยู่ในจิต หล่อหลอมด้วยความคิดและปัญญาถวายท่าน ท่านจะพอพระทัยมาก เรามานั่งปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศล ๗ วันนี้ต้องสร้างความดีให้ได้กำไรก่อน ท่านต้องลงทุนนะ ท่านต้องมีความเพียร บากบั่นและเอาความดีให้ได้ ต่อไปนี้จะให้โอวาทคติธรรมพระกรรมฐาน โปรดตั้งใจฟังสืบไป ขอเจริญพร เจริญสุข โดยทั่วกัน ณ บัดนี้

    เราได้มีโอกาสมาสร้างความดีถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ของมหาบพิตรพระราชสมภารเจ้า ควรน้อมนึกระลีกถึงพระองค์ก่อนว่าพระองค์ทรงเหนื่อยยากพระวรกายแค่ไหน เช่น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กว่าจะสร้างเขื่อนได้ต้องใช้เวลาตกลงกับชาวบ้านนานถึง ๓ ปี ถ้าเรานึกถึงน้ำพระทัยของพระองค์ว่าทรงเหนื่อยเช่นนี้ เราจะเหนื่อยเท่าพระองค์ไหม เรามาสร้างความดีถวายแค่นี้ยังทำไม่ได้อีกหรือ
จะท้าวความหลังถึงพระพุทธเจ้าทำไมพระองค์จึงต้องเสด็จออกบรรพชา ก็เนื่องจากว่าพระองค์จะไปหาวิชาที่ไม่มีใครสอนไม่มีใครเรียน พระพุทธเจ้าท่านเน้นวิชาการเป็นอันดับแรก เมื่อครั้งยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะท่านเรียนจบถึง ๑๘ ศาสตร์ จากอาจารย์วิศวามิตร ได้แก่
๑. ยุทธศาสตร์ วิชานักรบ รวมทั้ง ปืนเล็ก ปืนใหญ่

๒. รัฐศาสตร์ วิชาการปกครอง

๓. นิติศาสตร์ วิชากฎหมายและจารีตประเพณีต่างๆ

๔. พาณิชยศาสตร์ วิชาการค้า ประกอบอาชีพการงานค้าขาย

๕. อักษรศาสตร์ วิชาวรรณคดีและภาษาต่างๆ

๖. นิรุกติศาสตร์ วิชาภาษาทั้งของตนและชนชาติที่เกี่ยวข้องกัน

๗. คณิตศาสตร์ วิชาคำนวณ

๘. โชติศาสตร์ วิชาดูดวง

๙. ภูมิศาสตร์ วิชาดูพื้นที่และรู้จักพื้นที่ของประเทศตนเองและประเทศต่างๆ

๑๐. โหราศาสตร์ วิชาโหร รู้จักพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ

๑๑. เวชศาสตร์ วิชาแพทย์

๑๒. เหตุศาสตร์ วิชาว่าด้วยเหตุผลหรือตรรกวิทยา

๑๓. สัตวศาสตร์ วิชาดูสัตว์ต่างๆ และรู้เสียงสัตว์ว่าดีหรือร้าย

๑๔. โยคศาสตร์ วิชาช่างกล สุขภาพอนามัย

๑๕. ศาสนศาสตร์ วิชาศาสนา รู้ความเป็นมาและหลักศาสนาทุกหลักศาสนา

๑๖. มายาศาสตร์ วิชามายา

๑๗. คันธัพศาสตร์ หรือ นาฏยศาสตร์ วิชาร้องรำ ดนตรี ดุริยางคศาสตร์

๑๘. ฉันทศาสตร์ วิชาการประพันธ์

    พระพุทธเจ้าทรงเรียนจบ ๑๘ ศาสตร์ แล้วก็ทรงเห็นว่าไม่สามารถจะใช้แก้ปัญหาชีวิตได้ ไม่สามารถจะช่วยตัวเองให้พ้นจาก เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้ การที่จะแก้ปัญหาชีวิตนั้นไม่ใช่เรียนวิชาแล้วแก้ได้ วิชาการเรียนเพื่อทำงานให้ถูกกับหลักฐานกับงานต่างๆ ที่จะต้องทำ เช่น วิชาการค้า ดนตรี ดีดสีตีเป่า

    ในวัดวาอารามเมื่อสมัยอาตมาเป็นเด็ก ๑๘ ศาสตร์อยู่ในวัดหมด ทั้งดนตรี กลองยาว เถิดเทิง มายาสาไถย ก็เรียนจากสมาธิภาวนา นิสัยคนเป็นอย่างไรจะออกมาทางมายา ดูหน้ารู้เลย พระพุทธเจ้าเรียนจบครบปัญญาอันนี้ เรียกว่าสูตร ๕ อย่าง ภูมิรู้ ภูมิธรรม ภูมิฐาน ภูมิปัญญา และ ภูมิปัจจุบัน ภูมิปัจจุบันก็คือเรามาเรียนกรรมฐานกันนั่นเอง

    เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเป็นนักบวชแล้ว ไม่มีสมบัติพัสถาน ฝากชีวิตไว้กับประชาชนหรือบุคคลทั่วไป จึงได้พิจารณากรรมฐานขึ้นมา ที่อาตมาพูดอยู่เสมอไม่มีใครพิจารณา ข้าวก็แดง แกงก็เค็ม สิทธัตถะหรือต้องเต็มใจกลืน ปฎิสังขาโยนิโส บิณฑปาตังปฎิเสวามิ ตักข้าวมาก็ต้องกำหนดกลืนเคี้ยวก็ต้องกำหนด นี่เป็นกรรมฐาน
จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัช เดี๋ยวนี้พระไม่พิจารณา จะห่มผ้าก็ไม่พิจารณา นี่เป็นกรรมฐาน จะใส่เสื้อผ้าก็กำหนดทั้งนั้น ตั้งสติไว้ทุกอิริยาบถ นี่คือกรรมฐานที่สามารถจะแก้ปัญหาชีวิตได้เดี๋ยวนี้ฝรั่งเอาไปใช้แล้ว แต่คนไทยเอาไปทิ้ง

    ฝรั่งออกตรวจตามโรงงาน ขอเจริญพรว่าจะตรวจอะไรก่อน อาตมาเคยบอกกับโยม อัญชุลี เจ้าของโรงงานผลิตเสื้อส่งนอก ให้ดูแลห้องน้ำให้สะอาดทั้งที่ห้องรับแขกและของคนงานด้วย ฝรั่งมาถึงขอเข้าห้องน้ำก่อน ดูวัดให้ดูถาน ดูบ้านให้ดูครัว ถานแปลว่าส้วมของพระ ฝรั่งเอาไปกินหมด ทำอะไรละเอียดอ่อน ตำราของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น

    ตรวจห้องน้ำแล้วตรวจอะไรอีก เห็นหนอ เข็มเย็บผ้าทิ้งไม่ได้ กิ๊บติดเสื้อก็ทิ้งไม่ได้ ต้องเก็บต่างหาก ถ้าเข็มไปติดในเสื้อจะทำอย่างไร ติดไปเขาใส่ขึ้นมา ไปแทงเขา จะไม่เป็นอันตรายหรือ จีวร เภสัช เสนาสนะ ฝรั่งเอาไปกินหมดแล้ว นี่ไม่ใช่พูดเล่นนะ

    ฝรั่งบอกโยม อัญชุลี ว่าที่ดูส้วมไม่ใช่อะไร ดูว่ามักง่ายหรือเปล่า สกปรกหรือเปล่า เข็มนี่ต้องตรวจแล้วตรวจอีก คือกรรมฐาน ผ้าจะส่งไปต่างประเทศต้องเข้าเครื่องตรวจ ถ้าดังวีดใช้ไม่ได้ มีเข็มอยู่ในนั้น ใครเย็บผ้าขายระวังอย่าทิ้งเข็มส่งเดชฝรั่งไม่ซื้อ เหมือนพระห่มจีวรไม่พิจารณาจีวรัง แมงป่องอยู่ก็แย่

    นี่แหละกรรมฐานมีความละเอียดอ่อนมาก ท่านทั้งหลายอย่าคิดว่ามานั่งกรรมฐานแล้วนั่งหลับตาหนอๆ แหนๆ เฉยๆ ใช้ไม่ได้ ต้องละเอียดตั้งแต่เดิน ยืน นั่ง นอน เหลียวซ้าย แลขวา คู้แขน เหยียดขา ปฎิสังขาโยนิโส บิณฑปาตังปฎิเสวามิ อาหารต้องพิจารณาก่อน แล้วค่อยรับประทาน เคี้ยวให้ละเอียดก่อนได้ไหมนี่แหละกรรมฐานทำให้คนรับผิดชอบ

    โยมที่มานั่งกรรมฐานต้องรับผิดชอบตัวเองนะ ต้องมาฝึกให้เรารู้จักความอดทน บางคนมานั่งกลับมาพูดให้อาตมาได้ยินว่า ไม่เห็นได้อะไร มีแต่ปวด ปวดแต่ทนได้ไหม ศึกษาหรือเปล่า เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริงได้ไหม เรียนให้รู้ว่าปวดคืออะไร เรียกว่าสมถะ โยมมานั่งกรรมฐานต้องการสบายใช่ไหม ถ้าต้องการสบายอย่ามา มานั่งกรรมฐานต้องการมาเรียนความทุกข์ ถึงจะเกิดความสุขต่อภายหลัง เราต้องฝึกความอดทน ตายให้ตายถึงจะรู้ของจริง ของจริงต้องเหนื่อยยาก ต้องอดทนได้

    การเจริญกรรมฐานเป็นการสร้างปัญญาในตัว ขอพี่น้องโยมหญิงโยมชาย ทุกคนสร้างปัญญาในตัว ปัญญาในตัวช่วยตัวเองได้ แก้ปัญหาตัวเองได้ และสามารถช่วยคนอื่นได้ด้วย ถ้าโยมมีแต่ปัญญาภายนอกตัว ไม่มีปัญญาในตัว โยมจะช่วยจะใครไม่ได้เลย ช่วยตัวเองก็ไม่ได้ และไม่สามารถรับผิดชอบได้ ตัวเองก็ไม่รับผิดชอบด้วย

    ขอเจริญพรว่า ผู้ปฏิบัติธรรมได้จะสะอาด จะไม่สกปรกและไม่มักง่ายมักได้ถ้าปฏิบัติได้จริงนะ จะอ่อนน้อมถ่อมตนไปเลย จะไม่บังอาจกับผู้ใหญ่ ถ้าทำได้พ่อแม่จะสามารถช่วยลูกได้ ลูกก็สามารถช่วยพ่อแม่ได้ การเจริญกรรมฐานไม่ใช่ของง่ายมาปฏิบัติให้เกิดความสะอาด ความอดทนและจะต้องให้ตัวเองรับผิดชอบตัวเองได้จะไม่เห็นแก่ตัว จะไม่กลัวลำบาก ความยากจะไม่เกิดขึ้นในอนาคต จะออกมาอย่างนี้ ถ้ายังเห็นแก่ตัวอยู่ ยังกลัวลำบาก ความยากเกิดขึ้นก็ไม่สู้ จะหนีตลอดรายการ ไม่เดินตามหลักคติธรรมของโบราณที่ว่าไว้ ไม่สู้ ไม่หนี สร้างความดีเอาไว้ให้ได้

    นั่งกรรมฐานเกิดปวดเมื่อย ตายให้ตาย ต้องศึกษาหาความรู้ เรียกสมถะ ไม่ใช่วิปัสสนา ปวดหนอ เห็นหนอ ยืนหนอ เป็นสมถะทั้งนั้น ถ้าเห็นสภาพความจริงถึงจะเป็นวิปัสสนา ถ้าเห็นปวกเปียกแบบนี้เป็นสมถะ เห็นภายในเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถึงจะเป็นวิปัสสนา

    ปฏิบัติกรรมฐานพิจารณาอะไรหรือ นี่กาย นี่จิต กายกับจิตเดินคนละเส้นทางไม่ใช่เส้นทางเดียวกัน แขกผู้มาเยือนกับที่เรารับแขกมีอะไรบ้าง แขกมาเยือนนี่สำคัญมาก เราต้องรับแขกที่มาหาเรา คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เราก็คือใครที่เป็นสื่อสัมพันธ์กายกับจิตให้อยู่ด้วยกันและแยกประเภทออก รูป นาม ขันธ์ห้า เป็นอารมณ์ คืออายตนะภายในกับภายนอกเรียกอินทรีย์ หน้าที่การงาน ทั้งภายนอกภายใน สัมผัสเกิดจิตตั้งสติเข้าไว้

    อาคันตุกะมาหาเรา เสียงไม่ดีมาเยือน เราก็กำหนด เสียงหนอ ตั้งสติเข้าไว้มั่นคงเข้าไว้ด้วยขันติธรรม เสียงด่าเสียงว่าอะไรก็ตาม มีขันติ ไม่สู้ ไม่หนี สร้างความดีเอาไว้ให้ได้ เสียงหนอ เดี๋ยวเสียงที่ด่าก็กลับไปหาเขาเอง อาคันตุกะมาเยือนแล้วสร้างตรงนี้ให้ได้นะ ถ้าทำไม่ได้แล้วท่านจะได้อะไร สื่อสัมพันธ์ไม่ดี แขกมาเยือนก็โกรธแขกเลย เสียงไม่ดีมาด่ามาว่า เราก็ต้อนรับแขกด้วยปัญญา เอาปัญญารับเสียงหนอ จะด่าจะว่าอะไรเราก็ไม่อัดเสียงนี้ไว้ แขกนี้เราไม่ต้อนรับ เขาก็กลับไปหาเขาเอง เท่านี้เอง สื่อสัมพันธ์เป็นอินทรีย์หน้าที่การงาน

    พระพุทธเจ้าท่านสอนพวกที่มีอินทรีย์แก่กล้าก่อน คนที่อินทรีย์ไม่พร้อมท่านจะไม่สอนเลยนะ ไม่ใช่พบใครๆ ก็สอน ไม่ใช่นะ เหมือนอย่างเขามาอบรมหลับตาสอนไปเรื่อย เขาไม่พร้อม เลยรับไม่ได้ ขอฝากโยมวิทยากรขอนแก่นไว้ด้วยนะ อย่าไปสอนส่งเดช พระพุทธเจ้าสำเร็จสัมโพธิญาณท่านสอนใครก่อนคนที่พร้อมคนแรกที่ยังมีชีวิตอยู่ขณะนั้นคือท่านอัญญาโกณฑัญญะ ซึ่งเป็นพราหมณ์หนุ่มทำนายพระพุทธเจ้าตอนเป็นเจ้าชาย

    ท่านทั้งหลายที่มาปฏิบัติถวายเป็นพระราชกุศล ท่านเตรียมพร้อมหรือยัง เตรียมอดทน ต่อสู้ ตายเป็นตาย เลิกคุยกันเลิกปรารภเรื่องเดรัจฉานกถา พูดแต่สิ่งที่มีประโยชน์เท่านั้น ยกตัวอย่างพระพุทธเจ้าถ้าถามท่าน ท่านจะต้องสอน ถ้าไม่ถามท่านจะไม่สอน แต่ไปขอนิมนต์ ท่านจะไม่พูด ถ้ารับท่านนิ่ง เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดเรียกว่าเดรัจฉานกถา

    การเจริญกรรมฐานไม่ใช่ของง่ายถ้าญาติพี่น้องตั้งใจและศรัทธาจริงๆ และอดทนต่อสู้พิจารณาตัวเอง ต้องได้ผลแน่เตรียมพร้อมอินทรีย์แก่กล้าไว้คือ อายตนะธาตุ อินทรีย์พร้อมที่จะรับฟังและปฏิบัติตาม ต้องอดทนต่อสู้กับเหตุการณ์ไว้ให้ได้นี่ปวดไหม กำหนดปวดหนอ ปวดหนอ เรียกว่าสมถะ สมถะแปลว่าต้องศึกษาหาความจริง อย่าแปลว่าบัญญัติ ๔๐ แปลวิธีปฏิบัติเลย พอพบความจริงแล้ว เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จิตก็ไม่พะวงสงกา อุปาทานก็ไม่ยึด เมื่ออุปาทานไม่ยึดมันจะปวดได้อย่างไร

    การปฏิบัติไม่มีการจบ มีแต่ไหลออกมาหลายชาติ หลายกัปหลายกัลป์กัปหนึ่งตั้งหมื่นปี เราเกิดมากี่ชาติน่ะรู้ไหม ถ้าอยากรู้ก็นั่งไปเรื่อยๆ เดี๋ยวรู้เอง ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ รู้ได้เฉพาะตัวใครตัวมันแต่คนอื่นไม่รู้หรอก เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมจึงรู้ตัวใครตัวมันคือปัญญา การสร้างปัญญาในตัวจะแก้ปัญหาชีวิตได้ เพราะแต่ละชีวิตมีปัญหาคนละอย่าง

    การปฏิบัติธรรมต้องการความบริสุทธิ์ใจ และต้องการช่วยตนเองให้ได้พระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้าคือปัญญาทำให้เกิดบริสุทธิ์ ปัญญาในตัวนี่บริสุทธิ์ ปัญญานอกตัวไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นต้องสร้างปัญญาในตัวให้ได้ ถึงจะช่วยคนอื่นได้ ถ้าปัญญาในตัวเกิดขึ้นบริสุทธิ์เมื่อใด รับรองโยมทุกคนจะคิดเงินไหลนอง คิดทองไหลมา ทุกคนจะดีหมด เป็นมรดกธรรมให้แก่ลูก ช่วยลูกให้เป็นคนดีได้ ถ้าเราเป็นลูกก็ช่วยพ่อแม่ได้

    ยกตัวอย่างที่กรุงเทพฯ เขาเล่าอัดเทปมาให้ฟังบอกว่าแม่เขาจะตายอยู่ที่ห้อง ไอ ซี ยู ต้องคอยปั๊มหัวใจไว้ หมอบอกว่าไม่รอดหรอก ลูกสาวลูกชายพากันมานั่งกรรมฐาน เขาไม่เคยศรัทธาไม่เคยเข้าวัด แต่อยากให้แม่หายเท่านั้น ไม่ใช่จะมาสร้างบุญกุศลเลย แต่พอมานั่งก็เกิดพบธรรมะ อ๋อมันมีสุขอย่างนี้ ได้จากความทุกข์ที่เราต้องปวดเมื่อยทั่วสกนธ์กายอย่างทรมานที่สุด พอพบธรรมะความดีอันนั้นก็แผ่แพร่ขยาย ใจก็ซึ้งเป็นที่พึ่งได้ ก็เอาความดีแผ่ให้แม่ แม่กลับฟื้นขึ้นมา

    การสร้างความดีนี้แสนจะยาก เขาก็ไม่ทราบว่ามานั่งเมื่อยๆ ปวดๆ อย่างนี้จะได้อะไรขึ้นมา แต่ต้องการให้แม่หายก็เกิดศรัทธาแรงกล้า ต้องการนั่งโดยไม่รู้เรื่องบุญกุศล ว่านั่งกรรมฐานคืออะไรข่าวเล่าลือว่านั่งกรรมฐานแล้วแม่จะหายจากโรคร้าย ความมั่นใจก็เกิดขึ้นเป็นสมาธิเลยเดินจงกรมกันใหญ่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ปวดเมื่อยหายหมด ยืนหนอ ๕ ครั้ง กลับไปเห็นแม่ฟื้นคืนมา หมอที่ศิริราชแปลกใจ บอกว่านี่หัวใจวายไปแล้วฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร จากคนที่ไม่เคยมานั่งกรรมฐาน กลับพาญาติพี่น้องมานั่ง

    อาตมาขออนุโมทนาแก่ท่านทั้งหลาย ผู้ตั้งใจมาปฏิบัติถวายเป็นพระราชกุศล สร้างบุญอันสำคัญยิ่ง ให้เกิดความสุขความเจริญในชีวิตครอบครัว ตลอดกระทั่งลูกหลานและบรรดาญาติพี่น้องของเราทุกคน อยู่เย็นเป็นสุขโดยทั่วหน้ากัน เพราะเรามีกุศลบุญราศีที่เราจะสร้างต่อไป ณ บัดนี้และบารมีขององค์บรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าปกเกล้าปกกระหม่อมชาวไทยมาจนบัดนี้ถึง ๗๒ พรรษา ขอทุกท่านจงสมหวังในชีวิต และเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ นึกคิดสิ่งหนึ่งสิ่งใด สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกันทุกรูปทุกนาม ณ โอกาสบัดนี้เทอญ

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›