๑๗/๗ มารไม่มีบารมีไม่เกิด

นางสาวปัญจพร แซ่หอ

    ดิฉันนางสาวปัญจพร แซ่หอ มีอาชีพขายขนมหวานอยู่ที่ตลาดโต้รุ่งหัวหิน ดิฉันมีบุญที่ได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ปฏิบัติแล้วรู้สึกดีมาก มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ก่อนที่จะมาปฏิบัติธรรม โดยนิสัยส่วนตัวแล้วเป็นคนตรงไปตรงมา ใครพูดไม่ดีก็ไม่ดีไป เป็นคนไม่ยอมคนจะโต้ตอบทันที เพราะเป็นคนใจร้อนและขี้โมโห ดิฉันได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมเพราะคุณพานิชซึ่งเป็นลูกค้าประจำ วันหนึ่งคุณพานิชซื้อขนมหวานมากจนดิฉันสงสัย เลยถามเธอว่า ซื้อไปไหนเยอะแยะ เธอตอบว่า “ซื้อไปวัดอัมพวัน” ดิฉันเคยฟังในวิทยุ อยากไปบ้างเหมือนกัน แต่ยังห่วงขายของ จึงคิดว่าไว้โอกาสหน้าแล้วกัน

    อีกไม่กี่เดือนผ่านไป คุณพานิชก็มาชวนอีก คราวนี้ชวนไปดูเขาถ่ายทำรายการชีวิตไม่สิ้นหวัง ไปเช้า-เย็นกลับ ดิฉันจึงตกลงไปเที่ยววัด ไปแล้วรู้สึกดีมาก ได้เห็นคนแต่งชุดขาวทั้งชุด หน้าตาผิวพรรณผ่องใส ดูเรียบร้อยดี ดิฉัน จึงคิดในใจว่า ถ้าเรามีโอกาสเราต้องมาปฏิบัติให้ได้
ห้า-หกเดือนต่อมาก็ได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมอย่างที่ตั้งใจไว้จริงๆ คราวนี้ไปกันหลายคน เพราะชวนเพื่อนๆไปด้วย

    วันแรกเข้าไปรับฟังพระอธิบายและเริ่มปฏิบัติ ก็เริ่มมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวดิฉัน มึนหัวและอาเจียน ความรู้สึกตอนนั้นแย่มาก นึกในใจว่าเรามาทำไม มาทำให้ตัวเองไม่สบาย ทำให้ทุกข์ หาเรื่องใส่ตัวเอง ตอนนั้นอยากกลับบ้านมาก ถ้าบ้านอยู่ใกล้วัดในวันนั้นต้องกลับบ้านเป็นแน่ไม่อยู่แน่นอน ถามเพื่อนๆว่ามึนหัวบ้างไหม ไม่มีใครมึนหัวเลย แล้วทำไมเราถึงเป็นคนเดียว ความคิดเริ่มเกิดขึ้น

    วันรุ่งขึ้นไปรับกรรมฐานกับหลวงพ่อ ระหว่างบรรยายธรรม มีตอนหนึ่งท่านพูดว่า “คนเรามารไม่มีบารมีไม่เกิด” ถ้าไม่ฝืนปฏิบัติธรรมต่อ กลับไปค้าขายขาดทุนย่อยยับ แต่ถ้าทำได้กลับกลับไปรวยๆ ทำเอาเราตาสว่างเลย อาการมึนหัวหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะเรามีอาชีพค้าขาย ขายของขาดทุนย่อยยับเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เราเองก็ไม่ค่อยมีเท่าไร ถ้าขายของขาดทุนอย่างที่ท่านพูดอีกคราวนี้แย่ยิ่งกว่ามึนหัว-อาเจียนเป็นแน่แท้ จะเอาเงินที่ไหนมาหมุนเวียน ภาระตั้งเยอะแยะ สติเริ่มเกิดขึ้น ตั้วจิตแน่วแน่ ต้องทำให้ได้ เป็นไรเป็นกัน แต่ไม่ยอมขาดทุนย่อยยับแน่ ปฏิบัติได้วันที่ ๔ อาการมึนหัว-อาเจียนไม่มีแล้ว รู้สึกดีมาก ดังที่ท่านบอกว่าจะอยู่หรือจะไป ๓ วันแรกสำคัญมาก เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถึงวันที่ ๔ สบายมาก กลับไปรวยแน่คราวนี้ รู้สึกตัวเบา ปฏิบัติจนหมดเวลาโดยไม่รู้ตัว ไม่อยากจะออกจากกรรมฐาน อยากนั่งต่อไป รู้สึกสบายใจ ปฏิบัติอยู่จนได้เวลากลับบ้าน

    กลับบ้านมาก็เป็นจริงดังที่หลวงพ่อท่านว่า เวลานี้ขายของดีกว่าเก่าอย่างไม่น่าเชื่อเลยที่เดียว เพื่อนๆบ่นกันว่าขายไม่ดี ไม่มีคน เราสบายมาก เพราะเราได้ของดีจากวัดอัมพวัน แต่ถ้าวันนั้นไม่ได้หลวงพ่อพูดเตือนสติ กลับมาก็คงขาดทุนย่อยยับเหมือนกัน คงไม่มีความอดทนอยู่ปฏิบัติถึง ๗ วันแน่ กลับมาถ้าขายไม่ดีอย่างที่ท่านว่าคงเสียใจมาเลย ได้หลวงพ่อเตือนสติ กลับมาจึงขายดี แต่ดิฉันก็ไม่ได้เก็บไว้คนเดียว เล่าให้พี่ชายฟังเรื่องที่ได้รับจากวัดนี้ อยากให้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับเขาบ้าง เลยชวนให้ไปปฏิบัติบ้าง “เฮียไปบ้างสิ ดีจริงๆนะ ฉันเจอกับตัวเองเลย” เขาเลยมาปฏิบัติบ้าง คราวนี้สิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น เขาเคยดื่มเบียร์เหมือนน้ำ เคยห้อยพระเต็มคอ ถึงขนาดออกจากบ้านไปแล้วถ้าลืมพระเครื่องเป็นไม่ได้ต้องเลี้ยวรถกลับมา เพราะเขามีอาชีพบรรทุกของ แต่พอได้ปฏิบัติธรรมกลับมา เขาเลิกดื่มเบียร์เลย เคยใส่พระเครื่องเต็มคอก็เลิกใส่ เชิญแขวนไว้ที่หิ้งพระ จากที่เคยบรรทุกของขาดบ้าง มีบ้าง ก็มีเพิ่มมากขึ้น เวลาขับรถผ่านด่านตรวจมักจะถูกตรวจและเรื่องมากที่เดียว แต่หลังจากปฏิบัติธรรม เริ่มที่จะแผ่เมตตา พอใกล้ถึงด่านเขาก็แผ่เมตตาให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ตอนนี้ผ่านฉลุย ไม่ตรวจ ไม่ยุ่งยาก อย่างมาน่าเชื่อเลย

    ดิฉันคิดว่าการปฏิบัติธรรมให้อะไรหลายอย่างกับดิฉันและพี่ชายมากมาย ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เฉพาะตน รู้ได้เฉพาะตน ดิฉันไม่อยากให้ท่านเชื่อดิฉัน แต่อยากให้เป็นข้อคิด – แนวทางและให้มาปฏิบัติด้วยตนเอง แต่ต้องอดทนนะ หากไม่อดทนสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นไม่ใช่แนวทางปฏิบัติของพระพุทธองค์ แต่เป็นตัวเราเองต่างหากที่ลิขิตทางเดินของตนเอง หลวงพ่อท่านชี้ทางให้เราเดินเท่านั้น แล้วแต่เราจะเลือกเดินหรือไม่ แต่ดิฉันอยากให้ท่านมาปฏิบัติบ้าง จะได้พบสิ่งที่ดีๆอย่างที่ดิฉันพบ

    คติเตือนใจ ความตายเป็นสิ่งแน่นอน ตายไปเอาอะไรไปไม่ได้ ข้อความนี้ทำให้ดิฉันปลงอะไรได้หลายๆอย่าง ทุกคนทำในสิ่งที่ตนอยากทำได้ แต่ทำให้ถูกหรือผิดอยู่ที่ความคิดของตนเอง ทุกสิ่งเป็นสิ่งสมมุติทั้งสิ้น สิ่งที่จริงแท้และแน่นอนคือสติและสมาธิ ถ้าไม่มีผู้นำทางคงจะหาเจอได้ยาก หรือไม่ก็หาไม่เจอเลยตลอดชีวิต เป็นสิ่งที่เป็นของเราอย่างแน่นอน ไม่มีใครมาแย่งเราได้ และยกให้ใครง่ายๆก็ไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่เรา ดิฉันคิดอย่างนั้น

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›